ล่าสุด สล่าผู้น้อง แห่งเมืองเชียงราย เดียวกัน “เฉลิมสวรรค์”(เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์) ผู้เคยฝากฝีมือไว้ที่จิตรกรรมฝาผนังในอุโบสถ วัดพุทธประทีป กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ,เขียนภาพประกอบ พระราชนิพนธ์ พระมหาชนก และสร้าง วัดร่องขุ่น อันอลังการ ก็เพิ่งได้รับเกียรตินี้ไปหมาดๆ จากคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ “ชื่อผมถูกเสนอมาหลายครั้งแล้ว ไม่ใช่ครั้งแรก ปีนี้ที่ได้ เพราะการพิจารณาของคณะกรรมการชุดใหม่ ส่วนชุดเก่า ตอนนั้นเขาให้เหตุผลว่า ผมอายุยังน้อยอยู่ ให้เมื่อไหร่ก็ได้ อย่างไรก็ได้อยู่แล้ว งานเราก็เยอะอยู่ ให้ผู้อาวุโสไปก่อน จึงมีแต่รุ่นครูบาอาจารย์ และรุ่นพี่ได้กันไปก่อน แต่ผมก็ยินดีด้วยนะ ได้ไปเถอะ ไม่เป็นไรหรอก เพื่อนผมไอ้ ชาติ กอบจิตติ มันได้รางวัลศิลปาธรรุ่นแรก พร้อมกันกับผม อีกปีนึงถัดมา มันก็ได้ศิลปินแห่งชาติเลย เพราะฝ่ายวรรณกรรม เขาไม่สนอายุ เขาสนความสามารถ แต่ฝ่ายทัศนศิลป์เขาดูกันที่อายุ มาปีนี้เขาเปลี่ยนกรรมการชุดใหม่ มีการพิจารณาคุณสมบัติโดยที่ไม่เกี่ยวกับอายุ แต่ดูที่ผลงาน ผมจึงได้ไง ดังนั้นต้องขอขอบคุณคณะกรรมการชุดนี้ ที่นำเรื่องของผมขึ้นมาพิจารณาใหม่” แต่กระนั้นคนทั่วไปก็หลงเข้าใจผิดว่าเขาเป็นศิลปินแห่งชาติมานานแล้ว ทั้งที่ก่อนหน้านี้เคยได้รับไปเพียง รางวัลศิลปาธร สาขาทัศนศิลป์ ประจำปี 2547 จาก สำนักงานศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย (สศร.) “ คนทั้งประเทศไทย เขาคิดว่าผมเป็นศิลปินแห่งชาติกันหมดแล้ว รายการทีวีเขาก็เคยเอาชื่อผมไปให้ทายกันว่า ศิลปินแห่งชาติคือคนไหน ในจำนวนคนเหล่านั้น ไอ้คนที่มันตอบชื่อผม มันเลยอดได้รางวัล หรือเวลาที่ไปงานไหนก็ตาม เขาก็คิดว่าผมเป็น ขนาดไปงานศพ และบนเวทีงานแต่ง เขาก็จะอ่านชื่อผม ท่านอาจารย์เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ ศิลปินแห่งชาติ คือไปที่ไหนก็ตาม จะมีศิลปินแห่งชาติห้อย เพราะเขาคิดว่าผมเป็นอยู่แล้ว ด้วยความที่ชื่อเสียงเราดังมาก” โดยศิลปินชื่อดังผู้นี้ จะเข้ารับพระราชทานโล่ห์และเข็มเชิดชูเกียรติ จาก สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ใน วันศิลปินแห่งชาติ ซึ่งตรงกับ วันที่ 24 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2554 และหลังจากนี้เป็นต้นไปในฐานะศิลปินแห่งชาติ จะได้รับค่าตอบแทนเป็นเงินเดือน ๆ ละ 2 หมื่นบาท พร้อมสิทธิ์ในการเบิกค่ารักษาพยาบาล แม้เงินจำนวนนี้จะเทียบไม่ได้กับราคาภาพเขียน 1 ภาพ ของเขา อย่างไรก็ตาม เจ้าตัวขอปฏิเสธไม่รับทั้งเงินเดือนและสิทธิต่างๆของศิลปินแห่งชาติ และตลอดชีวิตที่ผ่านมาเป็นคนที่ไม่เคยมีเงินเดือน จะขอให้เป็นเช่นนั้นต่อไป "เงิน 2 หมื่นผมไม่เอา ผมอยากให้รัฐบาลเอาไว้ให้ศิลปินคนอื่นๆที่เขาลำบาก และผมไม่ต้องการสิทธิ์ในการรักษาพยาบาลอะไรสักอย่าง ผมต้องการอย่างเดียวคือการได้เข้าเฝ้า สมเด็จพระเทพฯ และได้รับเข็มเท่านั้นก็พอ นอกนั้นผมไม่ต้องการ และตลอดชีวิตที่ผ่านมานี้เป็นคนไม่เคยมีเงินเดือน ดังนั้นขอไม่มีเงินเดือนไปจนตาย" ทันทีได้รับทราบข่าวดี บรรดามิตรสหายจากทั่วทุกสารทิศ ต่างต่อสายตรงถึงเขาและภรรยา จนสายแทบไหม้ เจ้าตัวขอใช้โอกาสนี้แจ้งมาถึงทุกคน รวมถึงทางบ้านเกิด จ.เชียงราย ว่า ไม่ต้องการให้มีงานเลี้ยงใดๆ แต่หากต้องการแสดงความยินดีกับเขาจริงๆให้ไปพบกันที่งานเลี้ยงในค่ำคืนที่ทาง คณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ จัดขึ้น หลังการรับพระราชทานโล่ห์และเข็มเชิดชูเกียรติ “เพราะผมเป็นคนช่วยคนเยอะไง รวมถึงบรรดาธนาคาร และบริษัทเอกชนอีกหลายที่ ที่เขาอยากจะจัดอะไรให้เยอะแยะไปหมด เข้าไปดูในเวบไซต์แสดงความยินดีกันแบบโลกแทบแตก ทั้งเวบพระ และ แฟนคลับอย่างนี้ ผมเป็นคนไม่ชอบไง จึงพยายามขอร้องไปทุกๆ ที่ เดี๋ยวผมจะตายเพราะอาหารเลี้ยงซะก่อน เพราะต้องเดินทางไปทุกที่ๆ เขาจัดงานให้ ฉนั้นจึงขอเชิญพร้อมกันเลยว่าให้ไปวันที่ 24 กุมภา ได้ไหม อย่าพยายามมาเชียงราย อย่าเอากระเช้ามาให้ อย่าพยายามที่จะมาขอเลี้ยงผม อย่าพยายามที่จะจัดงานให้ผม อันนี้ผมขอเลย” การได้รับเกียรติในระดับประเทศในครั้งนี้ ไม่ได้สร้างความประหลาดใจให้แก่เขาแต่อย่างใด เพราะคิดมาตั้งแต่เด็กแล้วว่าต้องได้ ต่อให้คณะกรรมการคัดเลือกศิลปินแห่งชาติเกลียดตนทั้งชุด "ผมเป็นคนที่คิดมาตั้งแต่เด็กแล้วนะ ว่าอย่างไรซะผมก็ต้องได้รับรางวัลศิลปินแห่งชาติ ผมคิดอยู่แล้ว ดังนั้นผมจึงทำงานโลกแตก เพราะผมรู้ว่าเมื่อเราทำผลงานที่ยิ่งใหญ่ให้แก่ประเทศชาติ ด้วยความบริสุทธิ์ใจ ทุ่มเทชีวิตทั้งชีวิตให้แก่การสร้างงานศิลปะไปจนตาย ยังไงรางวัลศิลปินแห่งชาติเขาต้องให้ผม ต่อให้คณะกรรมการมันเกลียดผมทุกคน มันก็ต้องให้ผม ผมเป็นคนที่เชื่อมั่นอย่างนั้น วันนี้ไม่ได้ วันนึงต้องได้ ไม่เป็นไร จงตั้งหน้าตั้งตาทำงานไป ไอ้เรื่องรางวัลเราอย่าคิดที่จะหวังมัน อยากได้มัน แต่เราจงคิดว่าเราต้องตั้งใจทำทุกอย่างให้แก่ชาติบ้านเมือง แล้วรางวัลศิลปินแห่งชาติมันจะหนีไปไหน ยังไงมันก็ต้องได้ ผมปรารถนารางวัลระดับโลกด้วยซ้ำไป ไม่ได้คิดแค่ว่าต้องได้เป็นศิลปินแห่งชาติ รางวัลนี้มันเป็นเรื่องธรรมดามากสำหรับผม ผมทำงานมาขนาดนี้ ยังไงซะต้องได้รับ และอยากฝากบอกลูกหลานเราทุกคนว่า ให้ทุ่มเททำงานแบบผม ถ้าวันหนึ่งวันหน้าไม่ได้เป็นศิลปินแห่งชาติให้มากระทืบผม" และสิ่งที่ ศิลปินแห่งชาติ สาขาทัศนศิลป์ (จิตรกรรม) คนล่าสุด อยากเรียกร้องให้วงการศิลปะ “อยากจะเรียกร้องว่า รัฐบาลควรจะมองการสร้างศิลปะให้แก่ประเทศมากกว่า ที่จะไปมองการสร้างถาวรวัตถุ อย่างเช่น ถนนหนทาง บ้าบอคอแตก เพราะตึกรามบ้านช่อง ใหญ่ๆ โตๆ เราสู้ ประเทศอื่นไม่ได้หรอก สู้ประเทศที่เขาเจริญไม่ได้ เราสู้อเมริกา สู้ฮ่องกง และสู้สิงคโปร์ไม่ได้ แต่สิ่งหนึ่งที่เราสามารถสู้กับคนทั้งโลกได้ คือ ศิลปวัฒนธรรม ดังนั้นผมอยากจะเรียกร้องให้รัฐบาลมันเห็นว่า ถ้าจะสร้างถาวรวัตถุให้แก่บ้านเมืองมันก็ไม่ผิด เพราะส่วนหนึ่งมันเป็นเรื่องความสะดวกสบาย เป็นเรื่องความเจริญของบ้านเมือง แต่ว่าสิ่งหนึ่งที่รัฐบาลทุกรัฐบาลลืม คือ การสร้างศิลปะที่มีค่าให้แก่ประเทศชาติ ถ้าสมมุติว่ารัฐบาลหนึ่งมีงบประมาณตั้งไว้ ว่าจะทำงานศิลปะที่เป็นความอัศจรรย์ให้เกิดขึ้นในแผ่นดินนี้ ทุนประมาณไม่เกิน 5 พันล้าน ใช้เวลาสร้างประมาณ 30 ปี งบประมาณต่อเนื่องอันนี้ ก็จะเกิดเป็นงานศิลปะชิ้นนึงที่มีค่าฉิบหายเลย โคตรโก้เลยนะ คนทั้งโลกแห่กันมาดู คือการประกาศความมีชื่อเสียงของประเทศชาติ อย่าง วัดร่องขุ่น ตอนนี้ใช้เงินไปกว่า 440 กว่าล้าน สร้างมา 15 ปี ทำให้มีเงินเข้ามาในจังหวัดเชียงรายตลอด มีคนจากทั่วโลกเดินทางมาที่วัด ทุกชาติ ทุกศาสนา ที่มาเยอะที่สุดคือยุโรป คิดดูคนกระจอกแบบผม สร้างวัดร่องขุ่นด้วยเงิน ของตัวเอง ทำให้ธุรกิจเกิดขึ้นในจังหวัด ในชุมชน อันนี้ต่างหาก เป็นการประกาศความยิ่งใหญ่ของประเทศชาติของเรา และเขารู้ว่า White Temple (วัดร่องขุ่น) เป็นศิลปะประจำรัชกาลที่ 9 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รับสั่งว่า งานศิลปะประจำรัชกาลของเราไม่เห็นมีเลย มีแต่ลอกรัชกาลอื่นมา ดังนั้นภาพประกอบ พระราชนิพนธ์พระมหาชนก จึงต้องเป็นงานสมัยใหม่ที่ไม่ลอกจากที่อื่นใดมา นี่คือแรงบันดาลใจที่ทำให้ผมต้องสร้างวัดร่องขุ่นอันอลังการ เพื่อถวายพระองค์ท่าน และเพื่อประกาศความยิ่งใหญ่" ไม่ต้องถามเขาหรอกว่า เมื่อไหร่ ? วัดร่องขุ่น จะสร้างเสร็จ คำตอบยังคงเป็นเช่นเดิม “ไม่ต้องเสร็จ มันยิ่งใหญ่อยู่แล้ว 15 ปีผ่านมา มันยิ่งใหญ่มากคนมันแห่กันมาทั้งโลกแล้ว นี่ขนาด 15 ปี แล้ว ลองคิดดูสิ อีก 20 ปีข้างหน้าจะเป็นอย่างไร และอีก 50 ปีข้างหน้าที่ผมสร้างคนไว้รองรับหลังความตาย เพื่อให้พวกเขาได้สร้างวัดร่องขุ่นต่อไป รวมทั้งหมดประมาณ 60 ปี นี่คือคอนเซ็ปต์ นี่คือวิธีการที่จะทำให้รัฐบาลกลับมามองเห็นว่า การสร้างงานศิลปะ มันใช้เงินไม่มาก มันประกาศความยิ่งใหญ่ไปสู่ซีกโลกอื่นได้ เราสามารถเอาชนะประเทศอื่นได้ ไม่ใช่ชนะทางวัตถุ แต่ต้องชนะทางศิลปวัฒนธรรม” นอกจากเฉลิมชัยแล้ว ในปีนี้ ผู้ที่ได้รับรางวัลศิลปินแห่งชาติ สาขาทัศนศิลป์ ยังมีอีก 2 ท่าน คือ เมธา บุนนาค สาขาทัศนศิลป์ (สถาปัตยกรรม) แห่ง บริษัทบุนนาค อาร์คิเท็คส์ อินเตอร์ เนชั่นแนล คอนซัลแทนท์ส จำกัด ผู้ออกแบบ The Four Seasons Resort จ.เชียงใหม่ และ โรงแรม Novotel Bukittinggi ที่เกาะสุมาตรา และ ทองร่วง เอมโอษฐ์ สาขาทัศนศิลป์ (ประณีตศิลป์ - ศิลปะปูนปั้น) ผู้เชี่ยวชาญด้านศิลปะปูนปั้นจากเมืองเพชรบุรี ซึ่งมีผลงานที่ภาคภูมิใจที่สุดในชีวิตคือ ได้รับเชิญจากกรมศิลปากรในฐานะผู้เชี่ยวชาญด้านพุทธศิลป์ สถาปัตยกรรมและประติมากรรมไทย ในโครงการบูรณปฏิสังขรณ์ วัดพระศรีรัตนศาสดารามและพระบรมมหาราชวัง ในช่วงเตรียมการฉลอง 200 ปี กรุงรัตนโกสินทร์ ส่วน สาขาวรรณศิลป์ นักเขียน 2 ท่าน ที่ได้รับเลือกในปีนี้ คือ ประภัสสร เสวิกุล และ สุชาติ สวัสดิ์ศรี ขณะที่ สาขาศิลปะการแสดง มี 4 ท่าน ได้แก่ รัจนา พวงประยงค์,นคร ถนอมทรัพย์,เศรษฐา ศิระฉายา และ รศ.สดใส พันธุมโกมล |
"ผมปรารถนา รางวัลระดับโลกด้วยซ้ำไป" ศิลปินแห่งชาติคนใหม่ เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
คุณจำเป็นต้องกู้เงิน? คุณได้รับการมองหาสถานที่ที่จะได้รับเงินกู้หรือไม่? คุณได้รับการพยายามที่จะได้รับชนิดของเงินให้กู้ยืมหรือไม่? จากนั้นให้ใช้ในขณะนี้ที่ (carlosellisonfinance@outlook.com) ถ้าคุณต้องการที่จะได้รับเงินกู้ยืมที่ไม่แพง สินเชื่อที่มีให้ที่นี่ที่อัตราดอกเบี้ยที่ต่ำมากของ 2% ติดต่อเราตอนนี้ถ้าคุณมีความสนใจ
ตอบลบ