"กบฎ" แยกแผ่นดิน “งี่เฮง” ซึ่งเป็นต้นตระกูล “ชินวัตร”

Post by ปวงสรร ดวงสุวรรณ.








<ประวัติ "แซ่คู" หรือสกุล "ชินวัตร">

ภายหลังจากที่มีผู้เผยแพร่สติ๊กเกอร์อั้งยี่คณะ “งี่เฮง” ซึ่งเป็นต้นตระกูล “ชินวัตร” ในโซเชียล มีเดีย กันอย่างแพร่หลายนั้น “แนวหน้าออนไลน์”จึงนำข้อมูลของ นายง่วนเซ็ง หรือ เส็ง หรือ ง่วนเส็ง แซ่คู ซึ่งเคยมีการเผยแพร่ไปแล้วมาเผยแพร่อีกครั้ง ประกอบเรื่องราวของสติ๊กเกอร์ดังกล่าว เมื่อ ฝรั่งเศสเข้าไปตั้งอยู่ที่จังหวัดจันทบุรี ระหว่าง พ.ศ.2438-2439 (ร.ศ.114-115) ก็เกิดมีสมาคมอั้งยี่ขึ้น 2 คณะ คณะหนึ่งชื่อว่า “งี่ฮก” สำนักตั้งอยู่ที่ตำบลวัดใหม่ อำเภอเมืองจันทบุรีแห่งหนึ่ง อีกคณะหนึ่งชื่อว่า “งี่เฮ็ง” สำนักงานตั้งอยู่ที่ ตำบลบางกะจะ อำเภอพลอยแหวน จังหวัดจันทบุรี มีนายง่วนเส็ง บุตรนายเช้า (สัญชาติจีน) เป็นหัวหน้าสมาคมอั้งยี่ แก๊งอั้งยี่ทั้ง 2 คณะได้ถืออำนาจในพวกเหล่าของตนคุมสมัครพรรคพวกทำร้ายซึ่งกันและกัน ประชาชนคนใดไม่เข้าในคณะใด แก๊งอั้งยี่ก็กรรโชกขู่เข็ญทำร้าย ปล้นแย่งชิงทรัพย์สินของประชาชน ต่อมาฝ่ายบ้านเมืองจึงได้ปรึกษาทำความตกลงกับกองทหารฝรั่งเศสทำการปราบปราม จับกุมแก๊งอั้งยี่ทั้ง 2 คณะ ปรากฏว่าหัวหน้ากับพรรคพวกถูกรับพระราชอาญาจองจำกักขังไว้หลายๆ ปี โดยผู้พิพากษาในขณะนั้นชื่อ “หลวงวิพิธพจนการ” ซึ่งในเวลาต่อมากระทรวงยุติธรรมให้เป็นผู้พิพากษาศาลเมืองขลุงบุรี ระหว่างที่ “หลวงวิพิธพจนการ” พักอยู่ที่จังหวัดจันทบุรี ก่อนที่จะได้รับตำแหน่งผู้พิพากษาศาลเมืองขลุงบุรีนั้น ได้ถูกนายง่วนเส็ง หัวหน้าอั้งยี่คณะงี่เฮ็งกับพรรคพวกทำร้ายร่างกายบาดเจ็บ เนื่องจากนายง่วนเส็งเจ็บแค้น “หลวงวิพิธพจนการ” ตั้งแต่ครั้งเป็นผู้พิพากษาศาลจังหวัดตราดตัดสินจำคุกพวกอั้งยี่คณะนายง่วน เส็ง ที่สำคัญก็คือ หลวงวิพิธพจนการ ผู้พิพากษาที่ถูกทำร้ายนั้น ก็คือนายแจ่ม สูตะบุตร ผู้เป็นคุณตาของ พ.ญ.สดใส เวชชาชีวะ (สกุลเดิม สูตะบุตร) มารดาของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ หรือเป็นคุณตาทวด ของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะนั่นเอง

ในสมัยรัชกาลที่ 5 มีอั้งยี่กลุ่มหนึ่งที่ จว.จันทบุรี ได้สร้างความเดือดร้อนให้คนไทยเป็นอย่างมาก อั้งยี้คณะ"งี่เฮ็ง" มีนายง่วนเส็ง แซ่คู เป็นหัวหน้าซึ่งเคยถูกพิพากษาจำคุกที่ จว.ตราด โดยหลวงวิพิธพจนาการ(แจ่ม สูตบุตร์) เป็นผู้พิพากษา หลายปีต่อมานายง่วนเส็งฯ พ้นโทษ และย้ายกลับมาอยู่ที่ จว.จันทบุรี เมื่อทราบว่าหลวงวิพิธฯ มาประจำตำแหน่งที่นั่น จึงได้ส่งคนไปลอบทำร้ายหลวงวิพิธฯ ต่อมานายง่วนเส็งฯ ถูกจับกุมอีกครั้ง และถูกส่งตัวเข้ามาคุมขังใน กทม. ได้ปรากฏหลักฐานในจดหมายเหตุว่า "นายง่วนเส็ง" เป็นพ่อ "นายชุนเชียง" ซึ่งอพยพมาจาก จว.จันทบุรี แล้วไปตั้งถิ่นฐานที่ จว.เชียงใหม่ แล้วเปลี่ยนชื่อ-นามสกุลเป็น "นายบุญเลิศ ชินวัตร" ซึ่งก็คือพ่อของ "ทักษิณ ชินวัตร" คิดเองก็แล้วกัน ตระกูลนี้ทำอะไรให้แผ่นดินไทยบ้าง ทั้งที่เข้ามาพึ่งพระบรมโพธิสมภารกษัตริย์ไทย

ยาแรงกองทัพปราบกบฏ สปป.ล้านนา !!!!!
คมชัดลึกออนไลน์

ยาแรงกองทัพปราบกบฏ สปป.ล้านนา รัฐ-แดงวงแตกโยนเกมป้ายสี

แนวคิดการแบ่งแยกดินแดนประเทศไทย เป็น สปป.ล้านนา ของคนกลุ่มหนึ่ง ถือเป็นเรื่องที่คนไทยไม่สามารถรับได้ และหลังจาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ.มีคำสั่งให้กองทัพภาคที่ 3 ดำเนินคดีกับกลุ่มบุคคลในข้อหากบฏอย่างเฉียบขาด ทำให้บุคคลที่ตกเป็นข่าวพัวพันกับแนวคิดแบ่งแยกดินแดนออกมาปฏิเสธกันพัลวัน ขณะเดียวกัน ในส่วนของนายกรัฐมนตรี และแกนนำพรรคเพื่อไทย ต่างออกมายืนยันว่า รัฐบาลไม่สนับสนุนการแบ่งแยกดินแดนแน่นอน

เพชรวรรต วัฒนพงศ์ศิริกุล แกนนำกลุ่มรักเชียงใหม่ 51

"เป็นความเข้าใจผิด คำว่า สปป.ล้านนา ย่อมาจาก "สมัชชาปกป้องประชาธิปไตย" ไม่ใช่ "สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนล้านนา" อย่างที่เข้าใจกัน การแบ่งการปกครองของ สปป.ล้านนา เป็นเพียงแนวคิด เนื่องจากเกิดความน้อยเนื้อต่ำใจที่เกิดความเหลื่อมล้ำทางกฎหมายของทางกลุ่มเสื้อแดง ผมเพิ่งได้ยินคำว่า สปป.ล้านนา ในเวลาไม่นาน ไม่เกี่ยวข้องกับป้ายไวนิลที่มีข้อความสื่อไปในการแบ่งประเทศ และไม่ใช่ต้นคิดอย่างที่เข้าใจกันผิด เท่าที่ทราบ สปป.ล้านนา จัดตั้งขึ้นมาเพื่อรณรงค์ให้เลือกตั้งตามหลักประชาธิปไตย ก่อนที่จะเลือกตั้งในวันที่ 2 กุมภาพันธ์ ผมไม่มีปฏิสัมพันธ์ใดๆ กับกลุ่มนี้มาก่อน ไม่ทราบว่าใครเป็นประธานหรือผู้ก่อตั้ง แต่เมื่อก่อนวันที่ 2 กุมภาพันธ์ กลุ่ม สปป.ล้านนาได้ติดต่อ เชิญผมไปบรรยายเรื่อง สิทธิและหน้าที่ของประชาชนในการไปใช้สิทธิเลือกตั้งเท่านั้น แต่ปฏิเสธไป เนื่องจากติดธุรกิจ และขณะนั้นเพิ่งได้ยินคำว่า สปป.ล้านนา เป็นครั้งแรก"

น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม

"คงต้องว่ากันไปตามข้อเท็จจริง เพราะในส่วนของรัฐบาลไม่สนับสนุนให้มีการแบ่งแยกดินแดนอยู่แล้ว แต่ประเทศไทยต้องเป็นหนึ่งเดียว นี่คือภารกิจหลัก ทั้งนี้ต้องมีการสอบสวนข้อเท็จจริงว่า มีขบวนการอย่างนี้จริงหรือไม่ แต่ที่สำคัญสิ่งที่จะแก้ได้ดีที่สุดคือ การให้ความยุติธรรม เสมอภาค และเท่าเทียม เพื่อไม่ให้คนรู้สึกว่ามีความแตกต่าง ถือเป็นข้อหลัก และอย่างที่เรียน เราไม่สนับสนุนอยู่แล้วที่จะให้แบ่งแยกดินแดน ต้องบอกว่า ขบวนการแบบนี้ไม่สามารถทำได้โดยกลุ่มเดียว จะต้องมีขบวนการที่ใหญ่กว่านั้น และไม่เชื่อว่าจะมีเหตุการณ์อย่างนั้นเกิดขึ้น อยากให้ทุกคนสบายใจ โดยรัฐบาลไม่มีนโยบายสนับสนุนเรื่องนี้อยู่แล้ว อยากเห็นประเทศไทยเป็นหนึ่ง เราไม่มีความคิดอย่างนั้นอยู่แล้ว แม้กระทั่งเรื่องของจังหวัดชายแดนภาคใต้ เราก็พยายามที่จะพูดคุยกันใช้หลักการเจรจา"

"จะต้องเตือนทุกฝ่าย ไม่ว่าอะไรก็ตามที่เป็นการกระทำที่ผิดกฎหมายหรือสิ่งที่ไม่ถูกต้องลดลงไป และให้กระบวนการยุติธรรมเดินหน้า แต่ก็ขอให้กระบวนการยุติธรรมเป็นไปอย่างยุติธรรม และเป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย เราจะไม่เจอปัญหาแบบนี้เกิดขึ้น เราไม่ได้สนับสนุนเรื่องแบ่งแยกดินแดนอยู่แล้ว ในเมื่อกองทัพจะตรวจสอบ เราก็ยินดี ถือว่าเป็นสิ่งที่กองทัพทำหน้าที่ของกองทัพ แต่ขอให้ตรวจสอบทุกกลุ่ม ทุกฝ่ายอย่างเท่าเทียมกัน ถ้าตรวจสอบเน้นกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งก็จะกลับมาเกิดในเรื่องของความน้อยเนื้อต่ำใจ จะมีปัญหาเกิดขึ้น แต่ถ้าเราทำทุกอย่างบนหลักความยุติธรรม อย่างเท่าเทียมกัน เชื่อว่าปัญหานี้จะลดน้อยลงไป คงต้องให้ฝ่ายความมั่นคงสืบเรื่องราวก่อน เชื่อว่ายังไปไม่ถึงขบวนการนั้น ขอให้ทุกคนช่วยกันทำทีละขั้นทีละตอน มิเช่นนั้นทุกคนจะตกใจ ตื่นตระหนก แต่เราเองเน้นย้ำอยู่แล้วว่า ไม่สนับสนุน และคิดว่า ผบ.ทบ.ตัดสินใจในฐานะรอง ผอ.รมน. จริงๆ แล้วในหลักการ อย่างที่เรียนเราไม่ขัดในการตรวจสอบ เพราะไม่ว่าจะเป็นกลุ่มใด เราก็ไม่สนับสนุน และไม่เห็นด้วยกับการแบ่งแยกประเทศ"

จารุพงศ์ เรืองสุวรรณ รมว.มหาดไทย

"รัฐบาลเป็นรัฐบาลที่ชอบด้วยกฎหมายและรัฐธรรมนูญ จึงไม่มีความจำเป็นที่จะต้องไปแบ่งแยกดินแดน ข่าวที่เกิดขึ้นเป็นการให้ร้ายป้ายสีกันมากกว่า ไม่มีเหตุผลอะไรที่รัฐบาลจะไปแบ่งแยกดินแดน ดังนั้นไม่ขอพูดอะไรอีก เพราะพูดไปจะเอาไปตัดต่อว่า จะแบ่งแยกดินแดน อย่างที่ผมพูดไปก็ไม่ได้พูดอย่างนั้น แค่จะเตือนว่า ตอนนี้สถานการณ์เป็นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ"

นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รมว.ต่างประเทศ

"เรื่องแบ่งแยกดินแดน ผมคิดว่าหลักๆ คนไทยทุกคนไม่ต้องการให้เกิดความแตกแยก และแบ่งแยกดินแดนอยู่แล้ว แต่สิ่งที่เกิดขึ้นตลอดต้องเข้าใจถึงอารมณ์ของคนด้วย เนื่องจากฝ่ายหนึ่งมาทำความเดือดร้อนในกรุงเทพฯ มาสร้างความแตกแยกแบ่งฝ่ายชัดเจน อีกฝ่ายย่อมอดทนไม่ไหว เป็นธรรมชาติของมนุษย์ ผมคิดว่า ที่คนภาคเหนือเรียกร้อง และมีคนพยายามปลุกกระแสให้เกิดความแตกแยก อย่างกลุ่มนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส. เอาเรื่องแบ่งแยกดินแดนมาเป็นประเด็น ซึ่งธรรมชาติแล้วผมเป็นคนเชียงใหม่ก็ไม่มีความคิดอยากให้แบ่งแยกดินแดน เพราะประเทศเราสงบสุขมาโดยตลอด สิ่งที่เกิดทางภาคเหนือ สปป.ล้านนา มันไม่ใช่อยู่แล้ว ซึ่ง สปป.ย่อมาจาก สมัชชาปกป้องประชาธิปไตย ไม่ใช่ สปป.ลาว ส่วนที่ชูธง สปป.ล้านนา ที่งานโอท็อปเชียงใหม่ ผมคิดว่าเป็นการชุมนุมประท้วงเหมือน กปปส.พยายามใช้ธงชาติเป็นสัญลักษณ์ต่างๆ เพราะการชุมนุมประท้วงที่คิดอะไรใหม่ๆ เพื่อดึงดูดให้คนสนใจก็จะใช้ประเด็นนั้น ผมเชื่อทุกคนรักประเทศไทยอยู่แล้ว"

พิชิต ชื่นบาน ผู้สมัครส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย

"การดำเนินคดีทางกฎหมายกับกลุ่ม สปป.ล้านนา ต้องพิจารณาว่า มีเจตนาพิเศษขอแยกเป็นประเทศล้านนาหรือไม่ ต้องดูว่าเป็นการถือป้ายเชิงสัญลักษณ์และแสดงออกในลักษณะประชดประชัน เปรียบเปรยปัญหาที่เกิดขึ้นในสังคมหรือไม่ โดยขณะนี้ข้อเท็จจริงที่แสดงออกเป็นเพียงเชิงสัญลักษณ์ ไม่มีการใช้กำลังประทุษร้าย ข่มขู่ และไม่ถึงขั้นก่อความไม่สงบ หากกองทัพบกจะดำเนินคดีกับกลุ่ม สปป.ล้านนาในความผิดความมั่นคงของรัฐภายในราชอาณาจักรก็ต้องพิจารณาถึงกลุ่ม กปปส. ที่ศาลอาญาออกหมายจับนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส. ฐานเป็นกบฏด้วย แต่กองทัพบกไม่เคยแสดงท่าทีที่จะดำเนินคดีตามกฎหมายกับกลุ่ม กปปส. ส่วนตัวไม่มีอคติต่อกองทัพ แต่เกรงว่าจะเป็นการซ้ำเติมปัญหาให้หนักขึ้น ว่า ปัญหาขณะนี้เป็นปัญหาทางความคิด ความเข้าใจ ไม่ใช่ปัญหาที่ประชาชนมีความคิดเป็นโจรแบ่งแยกดินแดน"