Kings of Thailand

ยึดทรัพย์หรือลงโทษทักษิณแบบใดก็ไม่ยุติธรรม

ยึดทรัพย์หรือลงโทษทักษิณแบบใดก็ไม่ยุติธรรม


โดย สุทธิพงษ์ ปรัชญพฤทธิ์     


       ผู้เขียนเป็นผู้หนึ่งที่เฝ้าติดตามความเปลี่ยนแปลงของประเทศไทยทั้งทางด้านสังคม การเมือง และโดยเฉพาะการเปลี่ยนแปลงทางด้านเศรษฐกิจ มีข้อมูลแสดง “ความสัมพันธ์” ทางด้านเศรษฐกิจต่อเหตุการณ์สังคม การเมือง ย้อนเวลาไปเรียงลำดับถึง “ต้นเหตุ” ของเหตุการณ์ต่างๆ ได้
     
       ผู้เขียนเชื่อในพุทธทำนายต่อพระสุบินนิมิตของพระเจ้าปเสนทิโกศล ว่าโลกเสื่อมลงตลอดเวลา โลกเจริญทางวัตถุมากขึ้น แต่คนส่วนใหญ่จะมีความสุขน้อยลง และเดือดร้อนมากขึ้น ประเทศไทยก็เช่นเดียวกัน ประเทศไทยเสื่อมรุนแรงหลังนำการตั้งตลาดหุ้นในปี 2518 ตลาดหุ้นเป็นกลไกแห่งโลกทุนนิยมสามานย์ที่สมบูรณ์แบบหลังการตั้งตลาดหุ้นในปี 2518 เป็นผลให้ประเทศไทยต้องเข้าโครงการ IMF มาแล้วถึง 2 ครั้ง คือหลังการพังทลายของตลาดหุ้นในปี 2521 และปี 2537 ครั้งแรกต้องลดค่าเงินบาท ครั้งที่ 2 ต้องลอยค่าเงินบาท เมื่อก่อนไม่มีตลาดหุ้นประเทศไทยไม่เคยต้องเข้า IMF เลย
     
       ประเทศต่างๆ ที่ประสบวิกฤตเศรษฐกิจมีต้นเหตุมาจากตลาดหุ้นเป็นสำคัญ ครั้งหลังสุดประเทศสหรัฐอเมริกาเกิดวิกฤตเศรษฐกิจในปี 2543 จากการพังของตลาด NASDAQ ทำให้ค่าเงินเหรียญสหรัฐเสียหาย ไม่ได้รับความเชื่อมั่น ทำให้เงินไหลออกจากอเมริกา ทำให้เศรษฐกิจฟุบลง ทำให้สภาพคล่องมีปัญหา จนกระทั่งต้องพิมพ์เงินออกมาใช้ (QE)
     
       เหตุการณ์ 911 ในปี 2544 ที่ผู้ก่อการร้ายจี้เครื่องบินพุ่งชนตึก WTC ในกรุง New York ไม่ใช่ต้นเหตุที่ทำให้เกิดวิกฤตเศรษฐกิจของอเมริกา
     
       เป็นเรื่องที่เกี่ยวโยงกัน วิกฤตเศรษฐกิจของอเมริกาในปี 2543 ทำให้เงินไหลออกจากอเมริกาไปยังประเทศต่างๆ ทั่วโลก ทำให้สภาพคล่องท่วมโลก เศรษฐกิจโลกเติบโตอย่างร้อนแรง
     
       แล้วก็ทรุดตัวรุนแรงในปี 2551 เหตุเพราะขึ้นมาแรง การจบจึงจบแรงเรียกว่า Hamburger crisis ยุโรปเกิดวิกฤตรุนแรงกว่าทุกประเทศ
     
       ผู้เขียนตามข่าวบ้าง แต่ดูตามข้อมูลที่เฝ้าติดตามเป็นประจำมากกว่า ต้องขออภัยหลายท่านที่ผู้เขียนไม่ได้มีความเห็นทางเศรษฐกิจโลกคล้ายกับหลายท่าน ผู้เขียนมีข้อมูลที่เป็นของส่วนตัว ผู้เขียนสงสัยและเฝ้ามองดูว่า ขณะนี้วิกฤตเศรษฐกิจกำลังจะมาเยือนประเทศจีนหรือไม่
     
       มาเรื่องใกล้ตัวเราเรื่องของประเทศไทยดีกว่า
     
       หากเป็นความเจริญ ประชาชนส่วนใหญ่จะอยู่กันอย่างมีความร่มเย็นเป็นสุข แต่ทุกวันนี้คนไทยเดือดร้อนทุกข์เข็ญลำเค็ญมากขึ้น ของกินของใช้ราคาสูงขึ้น ค่าความเป็นอยู่สูงขึ้น ค่าการเดินทาง ค่าขนส่งสูงขึ้น เงินเฟ้อสูงขึ้น อันเป็นผลมาจากราคาน้ำมันสูงขึ้น ราคาน้ำมันประเทศไทยสูงติดลำดับต้นของโลก
     
       ยุครัฐบาลชาติชาย ชุณหะวัณมีการค้นพบแหล่งพลังงานและก๊าซในประเทศไทย และบอกว่าประเทศไทยจะโชติช่วงชัชวาลพบว่าประเทศไทยมีน้ำมันและก๊าซมากจริง แล้วทุกวันนี้คนไทยมีความร่มเย็นเป็นสุขจากที่ประเทศไทยมีน้ำมันและก๊าซมากจริงหรือ
     
       ปี 2544 เป็นปีจุดเริ่มต้นความย่อยยับชาติ ย่อยยับรวดเร็ว รุนแรงกว่าในพุทธทำนาย
     
       ปี 2544 เป็นปีที่มาของรัฐบาลทักษิณ หากดูตามช่วงเวลา การมาของรัฐบาลทักษิณ เป็นช่วงเวลาที่เศรษฐกิจโลกดีมาก เนื่องจากเป็นช่วงที่เงินไหลออกจากอเมริกา เข้าไปยังประเทศต่างๆ ทั่วโลก รวมทั้งไทยเข้ามายังประเทศไทย
     
       เรื่องเหล่านี้ไม่ใช่ความลับ อธิบายเป็นเหตุเป็นผลต่อกันได้
     
       เงินไหลเข้าจากอเมริกา ส่งผลให้ตัวเลขเศรษฐกิจของประเทศไทยดีขึ้นอย่างมาก คล้ายกันกับหลายประเทศทั่วโลก
     
       ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้น จาก 46 มาเป็น 29 บาทต่อเหรียญ ระหว่างปี 2544-2550 หรือแข็งค่าขึ้นถึง 59 เปอร์เซ็นต์
     
       ทุนสำรองเงินตราต่างประเทศสุทธิเพิ่มขึ้น จาก 31 มาเป็น 100 พันล้านเหรียญสหรัฐระหว่างปี 2544-2550 หรือเพิ่มขึ้นถึง 223 เปอร์เซ็นต์
     
       หมายเหตุ ค่าเงินบาทและทุนสำรองเงินตราลดลงในเหตุการณ์ Hamburger crisis ระยะหนึ่งในปี 2551 จากนั้นก็ฟื้นตัวขึ้นมา ค่าเงินบาทฟื้นตัวไม่มาก แต่ทุนสำรองเงินตราสุทธิเพิ่มถึง 225 พันล้านเหรียญสหรัฐ (ปี 2554) และทุนสำรองเริ่มลดลงอย่างต่อเนื่องหลังการมาของรัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตรในเดือนสิงหาคม 2554 ถึงต้นปี 2557 ทุนสำรองสุทธิลดลงเหลือ 190 พันล้านเหรียญสหรัฐ
     
       จะเห็นว่าในช่วงการมาของรัฐบาลทักษิณ เงินบาทแข็งค่าขึ้นอย่างเหลือเชื่อ ทุนสำรองเพิ่มขึ้นอย่างเหลือเชื่อ ทำให้สภาพคล่องในประเทศสูง ส่งผลให้เศรษฐกิจไทยดีขึ้น การที่เศรษฐกิจไทยดีขึ้น หาใช่เกิดจากความเชื่อมั่นในรัฐบาลทักษิณแต่อย่างใดไม่ แต่เป็นเพราะการพังทลายของตลาด NASDAQ และ US$ ในปี 2543 นั่นเอง ทำให้เงินไหลออกจากอเมริกา ไปยังทั่วโลก และไหลเข้าประเทศไทยนั่นเอง
     
       มีเรื่องที่น่าสนใจเอามาเล่าเป็นข้อมูล
     
       เงินไหลเข้าประเทศไทย จนกระทั่งต้องใช้หนี้ IMF หมดก่อนกำหนดถึง 2 ปี ประเทศไทยได้ใช้หนี้ IMF งวดสุดท้ายวันที่ 31 กรกฎาคม 2546 ในรัฐบาลพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร
     
       หากผู้อ่านเข้าใจเรื่องที่ผู้เขียนนำมาลำดับความในตอนต้น จะเห็นว่า การที่ประเทศไทยได้ใช้หนี้ IMF หมดก่อนกำหนด 2 ปี หาได้เกิดจากความสามารถของทักษิณแต่อย่างใดไม่ แต่เป็นเพราะการพังทลายของตลาด NASDAQ และ US$ ในปี 2543 ทำให้เงินไหลออกจากอเมริกาไปยังทั่วโลก และไหลเข้าประเทศไทย ทำให้ประเทศไทยมีเงินใช้หนี้ IMF นั่นเอง
     
       พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตรไม่ใช่ผู้ที่มีความตั้งใจจะใช้หนี้ของประเทศแต่อย่างใด แต่เป็นคนที่ตั้งใจจะก่อหนี้มากกว่า หนี้กองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ ยังคงเหลือมาถึงรัฐบาลยิ่งลักษณ์ประมาณ 1 ล้านล้าน ก็ทำการโอนไปไว้ที่ธนาคารแห่งประเทศไทย เพื่อที่จะทำให้สัดส่วนหนี้สาธารณะต่อจีดีลดลง เพื่อที่จะทำให้กู้เงินได้กองโตขึ้น จะเห็นว่าหลังจากการโอนหนี้ของกองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ ไปไว้ที่ธนาคารแห่งประเทศไทยได้แล้ว ก็ทำให้มีโครงการกู้เงิน 2.2 ล้านล้านบาทตามมา
     
       การชำระหนี้ IMF หมดในกลางปี 2546 แทนที่จะเป็นผลดีกับประเทศไทย กลับเป็นจุดทำให้เกิดความเสียหายกับประเทศไทยมากขึ้น ปาฐกถาวันใช้หนี้งวดสุดท้ายของทักษิณบรรยายถึงโอกาสของประเทศไทยงดงามมาก (ทั้งๆ ที่การใช้หนี้ IMF เป็นเรื่องโชคช่วย) เสมือนว่าประเทศไทยจะกลายเป็นเมืองสวรรค์
     
       แต่หากฟังอย่างเข้าใจ จะเห็นว่ามีการฉวยโอกาสแปรรูปรัฐวิสาหกิจ หรือขายสมบัติชาติอยู่ด้วย
     
       จากบางตอนของปาฐกถา
     
       กฎหมายทุนรัฐวิสาหกิจ ก่อนนี้ในกติกาเราต้องขายรัฐวิสาหกิจเพื่อนำเงินมาใช้หนี้ แต่วันนี้ไม่ใช่ครับ เราจะกระจายหุ้นรัฐวิสาหกิจในตลาดหลักทรัพย์ เพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพ เพื่อเพิ่มศักยภาพในการขยายการลงทุน เพื่อให้เกิดการบริหารงานอย่างมืออาชีพ และเพื่อให้เกิดการตรวจสอบได้ทุกระบบ ซึ่งตรวจสอบจากระบบของตลาดทุนและตรวจสอบด้วยระบบของราชการ ตรวจสอบด้วยระบบของผู้ถือหุ้นเอง
     
       เพราะฉะนั้นรัฐวิสาหกิจไทยของเราจะเข้มแข็ง ซึ่งรัฐบาลนี้ได้ใช้มาตรการนี้บางส่วนแล้ว และใช้เรื่องของการรายงานระบบการตรวจสอบมากขึ้นแล้ว ทำให้รายได้ของรัฐวิสาหกิจเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่องตั้งแต่เข้ามาเป็นรัฐบาล หากรัฐวิสาหกิจทั้งหมดต้องไปจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ รัฐวิสาหกิจเหล่านี้จะบริหารงานอย่างมืออาชีพ จะเข้มแข็งและแข็งแรงมากขึ้น ไม่ได้เป็นการนำไปขายเพื่อนำมาใช้หนี้ เพราะไม่จำเป็นอีกแล้วที่จะต้องขายเพื่อใช้หนี้ เพราะวันนี้เราหมดพันธกรณีทางนี้
     
       เราจึงจะมีการแก้กฎหมายทุนรัฐวิสาหกิจ โดยยกเลิกและจัดทำกฎหมายฉบับใหม่ คือกฎหมายว่าด้วยการปรับปรุงและพัฒนารัฐวิสาหกิจแห่งชาติ เพื่อการปรับปรุงโครงสร้างรัฐวิสาหกิจให้เป็นองค์กรธุรกิจ เพิ่มประสิทธิภาพและคุณภาพของการบริหารจัดการและส่งเสริมให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการเป็นเจ้าของกิจการของรัฐ”
     
       กฎหมายทุนรัฐวิสาหกิจ เป็นหนึ่งในกฎหมายฟื้นฟูเศรษฐกิจ 11 ฉบับ เพื่อใช้แก้ปัญหาเศรษฐกิจที่เกิดจากวิกฤตในปี 2540 รวมทั้งเกี่ยวข้องกับการใช้หนี้ IMF คนทั่วไปเรียกว่ากฎหมายชายชาติ 11 ฉบับ
     
       คงจำกันได้ เมื่อครั้งมีการรณรงค์หาเสียง เพื่อให้ได้รับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ทักษิณบอกว่า หากได้เป็นรัฐบาลจะมายกเลิกกฎหมายขายชาติ 11 ฉบับ แต่ก็เห็นแล้วว่าไม่ได้เป็นอย่างที่หาเสียงไว้ แทนที่จะมีการยกเลิกกฎหมายไม่ให้มีการขายรัฐวิสาหกิจ แต่กลับมีการแก้ไขกฎหมาย ให้มีการขายรัฐวิสาหกิจ หรือขายสมบัติชาติ หรือขายชาติอย่างที่คนทั่วไปพูดกันอีก
     
       เวรกรรมประเทศไทย ฉวยโอกาสทำตรงกันข้ามทำกับที่หาเสียงไว้
     
       ประชาชนหดหู่ใจในวิกฤตเศรษฐกิจในปี 2540 ที่มีการออกกฎหมายทุนรัฐวิสาหกิจ โดยมีสาระว่า หากครบกำหนดการชำระหนี้ IMF และมีเงินไม่พอที่จะชำระหนี้ก็ให้ขายรัฐวิสาหกิจเพื่อชำระหนี้ได้
     
       แต่เมื่อมีการชำระหนี้ IMF หมดแล้วในปี 2546 ก็สมควรจะยกเลิกกฎหมายทุนรัฐวิสาหกิจ แต่กลับมีการแก้ไขกฎหมายดังกล่าว ให้มีการขายรัฐวิสาหกิจอีก เวรกรรมประเทศไทยและคนไทย
     
       การที่รัฐวิสาหกิจอยู่ในการบริหารจัดการของกระทรวงการคลัง (ไม่มีการแปรรูป) มันก็เป็นของคนไทย 100 เปอร์เซ็นต์อยู่แล้ว แล้วจะมาส่งเสริมให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการเป็นเจ้าของกิจการของรัฐทำไม การแปรรูปรัฐวิสาหกิจทำให้ความเป็นเจ้าของของคนไทยลดลง เช่นเหลือเป็นของคนไทยทั้งมวลแค่ 51 เปอร์เซ็นต์ เอาไปแบ่งขายให้ต่างชาติและผู้ถือหุ้นทั่วไป 49 เปอร์เซ็นต์
     
       หลังมีการแก้ไขกฎหมายทุนรัฐวิสาหกิจในปี 2546ได้มีการแปรรูป AOT : บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) TOP : บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน)MCOT : บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) เข้าตลาดหุ้น
     
       ก่อนหน้านี้ ในปี 2544 หลังพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตรเป็นรัฐบาลได้เพียง 10 เดือน ก็แปรรูป PTT : บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เข้าตลาดหุ้นได้แล้ว ฉวยโอกาสมีกฎหมายทุนรัฐวิสาหกิจว่าให้แปรรูปรัฐวิสาหกิจได้ ไม่ต้องแก้ไขกฎหมาย หรือไม่ต้องออกกฎหมายใดๆ มาเพิ่ม ว่องไวเหนือเรื่องใดๆ ปตท.เป็นบริษัทที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ผู้ถือหุ้นสามารถใช้ตัวแทนในต่างประเทศถือหุ้นแทนได้ ปตท. IPO ที่ราคา 35 บาท ราคาถูกเหมือนได้เปล่า อีก 5-6 ปีผ่านมา ราคาปตท.ขึ้นไปที่ราคา 350-450 บาท ราคาสูงกว่าราคา IPO ถึง 10 เท่า เงินปันผลจ่ายดีทุกปี เนื่องจากราคาน้ำมันที่ขายสูงติดลำดับต้นของโลก มีกำไรทั้ง Capital Gain และมีรายได้จากเงินปันผล
     
       ปี 2548 ในรัฐบาลทักษิณการแปรรูปการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยหรือ กฟผ.เกือบประสบผลสำเร็จ แต่ศาลปกครองสูงสุดมีคำพิพากษาให้เพิกถอนพระราชกฤษฎีกา (พ.ร.ฎ.) 2 ฉบับ ที่ใช้ในการแปรรูป คือ พ.ร.ฎ.กำหนดอำนาจ สิทธิ และประโยชน์ บริษัท กฟผ. จำกัด (มหาชน) พ.ศ.2548 และ พ.ร.ฎ.กำหนดเงื่อนเวลายกเลิกกฎหมายว่าด้วยการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย พ.ศ. 2548 เพราะ “ไม่ชอบด้วยกฎหมาย”
     
       ส่วนหนึ่งของรัฐวิสาหกิจที่แปรรูป ก็นำไปแบ่งให้พันธมิตรต่างชาติ เช่น เชฟรอน (Chevron) บริติชปิโตรเลียม (BP) เทมาเส็กทำให้ทักษิณได้ต่างชาติเป็นพันธมิตรที่เหนียวแน่น กลายมาเป็นโลกล้อมประเทศไทยในเวลาต่อมา
ยึดทรัพย์หรือลงโทษทักษิณแบบใดก็ไม่ยุติธรรม
       เงินของทักษิณเมื่อ 6-7 ปีที่แล้ว มีข้อมูลแสดงว่าเงินของทักษิณอยู่ในต่างประเทศมากกว่าอยู่ในประเทศไทย
     
       เศรษฐีส่วนใหญ่ ทำมาหากินนอกงบประมาณ เช่น ผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ กิจการเกษตร กิจการสุราหรือเบียร์
     
       แต่ทักษิณมั่งคั่งจากการทำมาหากินกับงบประมาณแผ่นดินกู้เงินแก้ปัญหาน้ำ 3.5 แสนล้านบาท จำนำข้าว กู้เพื่อโครงการรถไฟฟ้าความเร็วสูง 2.2 ล้านล้านบาท และหากินกับทรัพยากรของประเทศ เอไอเอส ชินคอร์ป ปตท. ฯลฯ
     
       มั่งคั่งจากการฉวยโอกาสใช้กฎหมาย แก้ไขกฎหมาย และออกกฎหมายเพื่อหาประโยชน์ให้แก่ตัวเอง
     
       สังเกตว่า รัฐวิสาหกิจที่นำมาแปรรูป เป็นบริษัทใหญ่และน่าสนใจ ทำให้นักการเมืองได้เป็นเจ้าของ เช่น ปตท. ไทยออยล์ อสมท ทำให้ราคาน้ำมันสูงขึ้น ค่าโฆษณาในทีวีสูงขึ้น ส่งผลทำให้ราคาสินค้าและบริการสูงขึ้น นอกจากนี้ยังได้เป็นเจ้าของท่าอากาศยานไทยด้วย
     
       ถ้าบอกว่า การแปรรูปการไฟฟ้าฝ่ายผลิตฯ “ไม่ชอบด้วยกฎหมาย” การแปรรูปรัฐวิสาหกิจต่างๆ เช่น PTT AOT TOP MCOT การขาย SHIN ให้เทมาเส็ก ฯลฯ ก็ย่อมไม่ชอบด้วยกฎหมายเช่นกัน วลีว่า “ปล้นประเทศ” จะมีความหมายที่ตรงประเด็นมากกว่า
     
       หลายท่านคงได้ชมภาพยนตร์เรื่องที่เกี่ยวกับการปล้นรถไฟ ปล้นทอง ปล้นธนาคาร แต่การปล้นเหล่านั้นชิดซ้ายเมื่อเทียบกับการปล้นที่ประเทศไทย มีการฉวยโอกาสใช้กฎหมายปล้น แก้ไขกฎหมายมาปล้น และบัญญัติกฎหมายมาปล้น เป็นการปล้นเหนือทุกการปล้นในโลกนี้
     
       เงินที่มากของทักษิณซื้อได้ทุกอย่าง ซื้อได้ทุกระดับ ตั้งแต่อดีตประธานสภาฯ ประธานและรองประธานสภาฯ ส.ว. ส.ส. ข้าราชการ นักการเมืองส่วนกลาง นักการเมืองส่วนท้องถิ่น อบต. สื่อทั้งในส่วนกลาง และวิทยุชุมชน เป็นที่มาของประเทศล้อมเมือง
     
       รวมมิจฉากรรมที่ทักษิณทำไว้ระหว่างปี 2544-2549
     
       ● แปรรูป ปตท.ปลายปี 2544โดยอาศัยกฎหมายทุนรัฐวิสาหกิจที่มีอยู่แล้ว ทำให้ราคาน้ำมันแพงติดอันดับโลก
     
       ● แก้ไขกฎหมายทุนรัฐวิสาหกิจในปี 2546 หลังจากใช้หนี้ IMF หมดแล้ว กฎหมายนี้ก็หมดความจำเป็น แต่กลับเอามาแก้ไขให้มีการแปรรูปรัฐวิสาหกิจได้ และใช้ในการแปรรูป AOT TOP และ MCOT ในเวลาต่อมา
     
       ● รายการนายกฯ พบประชาชนทุกเช้าวันเสาร์ คนส่วนหนึ่งเชื่อและศรัทธาในสิ่งที่ทักษิณพูด คนอีกส่วนหนึ่งไม่เชื่อและไม่ศรัทธาในสิ่งที่ทักษิณพูด และบอกว่าเป็นรายการนายกฯ โกหกทุกเช้าวันเสาร์ เป็นรายการที่ทำให้คนในชาติแตกแยกกันอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน ทั้งในระดับครอบครัว เพื่อนฝูง ชุมชน องค์กรต่างๆ เมื่อ 14 หรือ 5 ตุลา คนไทยไม่เคยแตกแยกกันมาก่อนเลย คนไทยเริ่มมาแตกแยกเมื่อทักษิณเป็นรัฐบาลนี้เอง และนำมาซึ่งความหยาบคายและรุนแรงระหว่างกันของคนในชาติทุกวันนี้
     
       ● ขายชินคอร์ปให้เทมาเส็ก แห่งสิงคโปร์ ขายราคาถูกเหมือนได้เปล่า เมื่อต้นปี 2549
     
       ● สงครามยาเสพติด ทำให้มีคนตายเกือบ 3,000 ศพ และคนตายที่ไม่ได้มีประวัติเกี่ยวข้องกับยาเสพติดถูกฆ่าตายกว่า 1,800 ศพ
     
       รวมมิจฉากรรมที่ทักษิณทำไว้ในรัฐบาลยิ่งลักษณ์ เริ่มปี 2554
     
       กฎหมายที่ออกในรัฐบาลยิ่งลักษณ์ก็ล้วนเป็นกฎหมายที่ต่ำต้อย ชั้นต่ำ ออกมาเพื่อผลประโยชน์ส่วนตนของทักษิณทั้งสิ้น
     
       ● พ.ร.บ.นิรโทษกรรม 2556
     
       ● พ.ร.บ.ร่วมทุน 2556
     
       ● พ.ร.บ.กู้เงิน 2.2 ล้านล้านบาท
     
       ● ม. 190 แก้ไข เพื่อไม่ให้มีการตรวจสอบข้อตกลงระหว่างประเทศ
     
       ● พ.ร.บ.ส.ว.มาจากการเลือกตั้ง
     
       ประเทศไทยเป็นมากกว่ารัฐที่ล้มเหลว
     
       รัฐที่ล้มเหลว (Failed State) หมายถึง รัฐที่ไม่สามารถบริหารการปกครองได้อย่างมีประสิทธิภาพ หรือไม่สามารถดำรงรักษาไว้ซึ่งความสงบเรียบร้อยภายใน มีความขัดแย้งทางการเมืองและสังคมอย่างรุนแรง มีการเปลี่ยนรัฐบาลบ่อย รัฐบาลและกลไกรัฐขาดความมั่นคงและประสิทธิภาพ จนไม่สามารถบริหารประเทศและแก้ปัญหาต่างๆ ให้ประสบผลสำเร็จได้ (วิกิพีเดีย)
     
       จากที่นำเสนอมาข้างต้น บอกว่าประเทศไทยเป็นรัฐที่ล้มเหลว แต่ผู้เขียนว่าประเทศไทยเป็นรัฐที่ย่อยยับ อยู่ๆ ประเทศไทยจะล้มเหลวหรือย่อยยับเองไม่ได้ ต้องมีต้นเหตุหรือคนทำให้ล้มเหลวหรือย่อยยับ มันจึงล้มเหลวและย่อยยับ
     
       การยึดทรัพย์หรือลงโทษทักษิณแบบใดก็ไม่ยุติธรรมเมื่อเทียบกับความเสียหายที่เขาทำไว้กับประเทศไทย ประวัติศาสตร์จะต้องบันทึกไว้ว่าทักษิณเป็นผู้นำที่เลวร้ายอันดับหนึ่งของโลกไปนานเท่านาน คงยากที่จะหาผู้นำชั่วคนใดที่จะมาทำลายสถิติลงได้…

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

Pong 11 (20x24)

Pong 11 (20x24)
Original handpainted oil painting on canvas

Wanna Yookong 111 (97x197cm)

Wanna Yookong 111 (97x197cm)
Original handpainted oil painting, Realistic Style

Kitja Noree 102 (24x36)

Kitja Noree 102 (24x36)
Original handpainted oil painting, Impressionist Style, Floating Market

Thawan Pramarn

Thawan Pramarn
ORIGINAL HANDPAINTED OIL PAINTING BY TAWAN PRAMAN, SIZE 70 x 90 cm

Chalor Ditpinyo

Chalor Ditpinyo
ORIGINAL HANDPAINTED OIL PAINTING BY CHALOR DITPINYO, SIZE 90 x 120 cm.

Thongchai Arunsaengsilp

Thongchai Arunsaengsilp
ORIGINAL HANDPAINTED OIL PAINTING BY THONGCHAI ARUNSAENGSILP

Boonchai Methangkul

Boonchai Methangkul
ORIGINAL HANDPAINTED OIL PAINTING BY BOONCHAI METHANGKUL, SIZE 1 x 126 cm

Chavana Boonchoo

Chavana Boonchoo
ORIGINAL HANDPAINTED OIL PAINTING BY CHAVANA BOONCHOO, SIZE 18 x 24"

Patamares Livisit

Patamares Livisit
ORIGINAL HANDPAINTED IMPRESSIONIST OIL PAINTING BY PATAMARES LIVISIT, SIZE 24 x 36"

Bangkok Art Center by HAS