รถไฟความเร็วสูง : โครงการเงินกู้ 2 ล้านล้าน ดอกเบี้ย 3 ล้านล้าน แบกหนี้ 50 ปี จนรุ่นหลานถึง พ.ศ. 2607 ออก พ.ร.บ.เงินกู้ด้วยวิธีพิเศษ
มติเอกฉันท์!! ศาลรัฐธรรมนูญชี้ชัด ร่างพ.ร.บ.เงินกู้ 2 ล้านล้าน "ขัดรัฐธรรมนูญ"
ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ อ่านคำวินิฉัย ร่างพ.ร.บ.เงินกู้ 2 ล้านล้าน มีมติเอกฉันท์ว่าขัดรัฐธรรมนูญ และมติ 6:2 กระบวนการตราไม่ชอบด้วยกฎหมาย
วันนี้ ( 12 มี.ค. ) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ได้นัดประชุมเพื่อแถลงด้วยวาจา และลงมติอ่านคำวินิจฉัย ในคำร้องที่ ส.ส. พรรคประชาธิปัตย์ ได้ยื่นคำร้องต่อประธานสภาผู้แทนราษฎร เพื่อเสนอความเห็นต่อศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า ร่างพระราชบัญญัติ(พ.ร.บ.)ให้อำนาจกระ...ทรวงการคลังกู้เงินเพื่อการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งของประเทศ พ.ศ.... วงเงินไม่เกิน 2 ล้านล้านบาท ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญมาตรา 169 และ 170 หรือไม่ทั้งนี้ศาลรัฐธรรมนูญได้พิจารณาแล้วมีมติเป็นเอกฉันท์การดำเนินการการออกร่างพ.ร.บ.ดังกล่าวฯ นั้นขัดรัฐธรรมนูญ และมีมติ 6 ต่อ 2 เห็นว่า กระบวนการตราไม่ชอบด้วยกฎหมาย
ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ อ่านคำวินิฉัย ร่างพ.ร.บ.เงินกู้ 2 ล้านล้าน มีมติเอกฉันท์ว่าขัดรัฐธรรมนูญ และมติ 6:2 กระบวนการตราไม่ชอบด้วยกฎหมาย
วันนี้ ( 12 มี.ค. ) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ได้นัดประชุมเพื่อแถลงด้วยวาจา และลงมติอ่านคำวินิจฉัย ในคำร้องที่ ส.ส. พรรคประชาธิปัตย์ ได้ยื่นคำร้องต่อประธานสภาผู้แทนราษฎร เพื่อเสนอความเห็นต่อศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า ร่างพระราชบัญญัติ(พ.ร.บ.)ให้อำนาจกระ...ทรวงการคลังกู้เงินเพื่อการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งของประเทศ พ.ศ.... วงเงินไม่เกิน 2 ล้านล้านบาท ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญมาตรา 169 และ 170 หรือไม่ทั้งนี้ศาลรัฐธรรมนูญได้พิจารณาแล้วมีมติเป็นเอกฉันท์การดำเนินการการออกร่างพ.ร.บ.ดังกล่าวฯ นั้นขัดรัฐธรรมนูญ และมีมติ 6 ต่อ 2 เห็นว่า กระบวนการตราไม่ชอบด้วยกฎหมาย
นายเชาวนะ ไตรมาศ เลขาธิการ ศาลรธน.เปิดเผยว่า ศาลรัฐธรรมนูญ มีมติเห็นว่า ร่างพ.ร.บ.เงินกู้ฯ ขัดรัฐรัฐธรรมนูญ ส่งผลให้ร่างพ.ร.บ.ฯดังกล่าวต้องตกไป เนื่องจากเนื้อหาและกระบวนการไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ นอกจากนี้ยังได้รับคำร้องกกต.ไว้พิจารณาแล้ว
พ.ร.บ. เงินกู้ 2ล้านล้าน ชี้ชะตารัฐบาล ....
ดีเดย์ 12 มี.ค. นัดชี้ชะตา พ.ร.บ.ให้อำนาจกระทรวงการคล ังกู้เงินเพื่อการพัฒนาโครง สร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่ งของประเทศ หรือ พ.ร.บ.เงินกู้ 2 ล้านล้าน ว่าจะขัดรัฐธรรมนูญมาตรา 169 และ 170 หรือไม่
“เงินกู้” ก้อนใหญ่ที่สุดในประวัติศาส ตร์ถูกดึงออกไปจากระบบงบประ มาณปกติจนยากต่อการตรวจสอบ แถมรายละเอียดแต่ละโครงการย ังไม่มีความชัดเจน รายละเอียดเปลี่ยนแปลงไปมา ...
เงินกู้ก็คือเงินภาษีอากรที ่เป็นรายรับของรัฐบาล ทันทีที่เงินอยู่ในมือรัฐบา ลก็ต้องถือเป็นเงินของแผ่นด ิน เพราะมีภาระต่อการชดใช้ในอน าคต ถึงจะกู้มาก็ต้องเป็นภาระภา ษี ถ้ารัฐบาลเป็นเจ้าของก็ต้อง มีสิทธิเข้าไปตรวจสอบทั้งสิ ้น
อ่านต่อได้ที่ : http://bit.ly/1fjWbK9See More
ดีเดย์ 12 มี.ค. นัดชี้ชะตา พ.ร.บ.ให้อำนาจกระทรวงการคล
“เงินกู้” ก้อนใหญ่ที่สุดในประวัติศาส
เงินกู้ก็คือเงินภาษีอากรที
อ่านต่อได้ที่ : http://bit.ly/1fjWbK9See More
Oh แม่เจ้า เล่นกันทั้งโครต !!!พบบริษัทลูกชาย“สมชาย-เจ ๊แดง”คู่ค้าขายเครื่องมือแพ ทย์ให้รพ.รัฐ 26.6 ล้าน
คนนี้ไม่ใช่เหรอมีการคุยกัน ว่า นิสัยไม่เหมือนใครในบ้าน
พบบริษัท“ยศชนัน วงศ์สวัสดิ์”ลูกชายคนโต“สมช าย-เจ๊แดง”กับพวก คู่ค้างบฯซื้อขายเครื่องช่ว ยหายใจให้ รพ.-หน่วยงานรัฐ 4 แห่ง 26.6 ล้าน เพิ่งจดทะเบียนก่อตั้งปี 54
บริษัท เรส เอต จำกัด ของ นายยศชนัน วงศ์สวัสดิ์ บุตรขายคนโตของนายสมชาย นางเยาวภา วงศ์...สวัสดิ์ และพวก เป็นคู่ค้าขายเครื่องแพทย์ใ ห้โรงพยาบาลและหน่วยงานของร ัฐอย่างน้อย 4 แห่ง รวมวงเงินกว่า 26 ล้านบาท
สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org ตรวจสอบพบว่า บริษัท เรส เอต จำกัด เพิ่งจดทะเบียนเมื่อวันที่ 25 มีนาคม 2554 ทุน 3 ล้านบาท ประกอบธุรกิจขายเครื่องมือเ ครื่องใช้ทางการแพทย์ ที่ตั้งเลขที่ 68/29 หมู่ที่ 1 ซอยหลักทอง 1 ถนนสนามบินน้ำ ตำบลบางกระสอ อำเภอเมืองนนทบุรี จังหวัดนนทบุรี ณ วันที่ 30 เมษายน 2555 มีผู้ถือหุ้น 3 คนคือ นายบุณศักร ศรีทรงชัย 14,400 หุ้น (48%) นายยศชนัน วงศ์สวัสดิ์ นางสาวสุรีพร จั่นจำรัส คนละ 7,200 หุ้น (24%) และ นายบุญโชค ศรีทรงชัย 1,200 หุ้น (4%) รวม 30,000 หุ้นมูลค่าหุ้นละ 100 บาท
จากการตรวจสอบพบว่า นับจากก่อตั้งจนถึงเดือนมีน าคม 2556 บริษัท เรส เอต จำกัด เป็นคู่ค้าในการขายเครื่องม ือและอุปกรณ์ทางการแพทย์ให้ หน่วยงานของรัฐ 4 แห่ง คือ1.ซื้อขายเครื่องช่วยหายใจช นิดควบคุมปริมาตรและประเมิน สภาพปอด ให้โรงพยาบาลตำรวจ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ วงเงิน 9,350,000 บาท เมื่อวันที่ 23 มิ.ย. 2554
2.ซื้อขายเครื่องช่วยหายใจช นิดควบคุมปริมาตรพร้อมโปรแก รมฝึกการหย่าเครื่อง โรงพยาบาลสมเด็จพระพุทธเลิศ หล้า วงเงิน 3,381,800 บาท เมื่อวันที่ 17 ม.ค. 2556
3.ซื้อขายเครื่องช่วยหายใจช นิดควบคุมปริมาตร พร้อมระบบพ่นยาแบบไมโครปั้ม รุ่น Engstrom Pro ยี่ห้อ GE Healthcar จำนวน 10 เครื่อง สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดสร ะบุรี วงเงิน 9,964,000 บาท เมื่อวันที่ 28 ม.ค. 2556
4.ซื้อขายเครื่องช่วยหายใจช นิดเคลื่อนย้ายพร้อมระบบปรั บแรงดันตามสภาพปอด ยี่ห้อ GE Healthcare รุ่น iVent101ผลิตภัณฑ์ประเทศสหร ัฐอเมริกา จำนวน 10 เครื่อง โรงพยาบาลสุราษฎร์ธานี วงเงิน 3,968,000 บาท บาท เมื่อวันที่ 15 มี.ค. 2556
รวมวงเงินทั้งสิ้น 26,663,800 บาท
รายละเอียด ... http://www.prasong.com/คนนี้ไม่ใช่เหรอมีการคุยกัน
พบบริษัท“ยศชนัน วงศ์สวัสดิ์”ลูกชายคนโต“สมช
บริษัท เรส เอต จำกัด ของ นายยศชนัน วงศ์สวัสดิ์ บุตรขายคนโตของนายสมชาย นางเยาวภา วงศ์...สวัสดิ์ และพวก เป็นคู่ค้าขายเครื่องแพทย์ใ
สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org ตรวจสอบพบว่า บริษัท เรส เอต จำกัด เพิ่งจดทะเบียนเมื่อวันที่ 25 มีนาคม 2554 ทุน 3 ล้านบาท ประกอบธุรกิจขายเครื่องมือเ
จากการตรวจสอบพบว่า นับจากก่อตั้งจนถึงเดือนมีน
2.ซื้อขายเครื่องช่วยหายใจช
3.ซื้อขายเครื่องช่วยหายใจช
4.ซื้อขายเครื่องช่วยหายใจช
รวมวงเงินทั้งสิ้น 26,663,800 บาท
ภาพล่าสุดจากคนไทยในย่างกุ้ ง!! ว่าแล้วเชียว นายกฯ ปู ไปญี่ปุ่น... (บ่อย)ไม่ชวนนักลงทุนญี่ปุ่ นมาลงทุนในไทย แต่นายกฯ ไทยชวนไปลงทุนกันที่พม่า พอเข้าใจแล้วที่นี่ เพราะอะไร?? ไปหามาให้ติดตาม มันมึนหน่อยนะ
คิดว่า โครงการ ทวาย เกี่ยวข้องกับเงินกู้ 2.2 ล้านล้านไหม?
รัฐบาลโต้โผทวายไทยได้อะไร
11 เมษายน 2556 เวลา 09:16 น.
โดย...บากบั่น บุญเลิศ...
ในที่สุดรัฐบาลไทยก็กลายเป็ นเจ้าภาพในการลงทุนพัฒนาเขต เศรษฐกิจพิเศษทวายของเมียนม าร์ และพื้นที่โครงการที่เกี่ยว ข้องซึ่งต้องใช้เงินก้อนมหึ มาไม่น้อยกว่า 3 แสนล้านบาท แทนที่จะเป็นบริษัท อิตาเลียนไทยดีเวล๊อปเมนต์
เมื่อที่ประชุม ครม.วันที่ 10 เม.ย. ที่มีนายกรัฐมนตรีเป็นประธา น มีมติรับทราบผลการประชุมคณะ กรรมการประสานงานร่วมระหว่า งไทยเมียนมาร์ เพื่อการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิ เศษทวายและพื้นที่โครงการที ่เกี่ยวข้อง
สาระหลักของมติดังกล่าว คือ เห็นชอบในการเชิญญี่ปุ่นเข้ าเป็นหุ้นส่วนการลงทุนในโคร งการทวาย ซึ่งจะมีการทำหนังสือเชิญอย ่างเป็นทางการ ขณะเดียวกันจะเปิดโอกาสให้น ักลงทุนประเทศอื่นที่สนใจเข ้าร่วมโครงการในระยะต่อไปด้ วย
แต่ที่สำคัญ คือ เห็นชอบกับข้อตกลงเรื่องการ จัดตั้งนิติบุคคลเฉพาะกิจ หรือเอสพีวี ขึ้นในประเทศไทยโดยถือหุ้นเ ท่ากันระหว่างไทยกับเมียนมา ร์ เพื่อเข้าไปรับสัมปทานพัฒนา เขตเศรษฐกิจพิเศษทวาย และระดมทุนมาพัฒนาโครงสร้าง หลักพื้นฐาน คือ ท่าเรือ ถนน นิคมอุตสาหกรรม ไฟฟ้า น้ำ โทรคมนาคม และระบบราง ฯลฯ
นั่นเท่ากับว่า รัฐบาลไทยกลายเป็นโต้โผหลัก ในการเป็นคู่สัญญาสัมปทานใน การพัฒนาพื้นที่ทวายแทนที่บ ริษัทเอกชนที่เป็นคู่สัญญาเ ดิม
วิธีการที่รัฐบาลทำ คือ เมื่อเข้าไปรับสัมปทานแทนที ่เอกชนทำ ก็จะเสนอให้การยกระดับกรอบค วามตกลงโครงการจากเดิมที่เป ็นการร่วมลงนามร่วมกันระหว่ างบริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ หรือไอทีดี กับรัฐบาลเมียนมาร์ ให้เป็นข้อตกลงสัมปทานโครงก ารระหว่างคณะกรรมการบริหารเ ขตเศรษฐกิจพิเศษทวายและเอสพ ีวีที่จัดตั้งขึ้นด้วย
เมื่อเปลี่ยนคู่สัญญาเสร็จส รรพ ก็จะให้เอสพีวีเป็นผู้ว่าจ้ างที่ปรึกษาอิสระเพื่อตรวจส อบสถานะการเงินการลงทุนของโ ครงการต่างๆในส่วนที่บริษัท อิตาเลียนไทยฯ ได้ดำเนินการไปแล้ว และให้เอสพีวีเป็นผู้ชำระคื นค่าลงทุนแก่บริษัท อิตาเลียนไทยฯ ด้วย
ชัดเจนไม่ต้องอธิบายว่า เอสพีวีที่รัฐบาลจัดตั้งขึ้ นมาในเมืองไทย คือ ผู้จะเข้าไปรับสิทธิในการพั ฒนาทวาย
ส่วนรูปแบบของเอสพีวีที่จัด ตั้งขึ้นมานั้นสืบทราบมาว่า จะมีการหารือกันในการจัดตั้ งเอสพีวีและจัดทำข้อตกลงต่า งๆ เพื่อเสนอต่อคณะกรรมการร่วม ระดับสูงระหว่างไทยกับเมียน มาร์ที่จะมีการประชุมกันในป ลายเดือนเม.ย.นี้ที่ประเทศเ มียนมาร์
เบ็ดเสร็จเรียบร้อย รัฐบาล ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ก็จะต้องเข้าไปรับภาระในการ พัฒนาพื้นที่โครงการขนาดใหญ ่ 50 ตารางกิโลเมตร ที่ใช้เงินลงทุนราว 33.5 แสนล้านบาท
หลายคนอาจมองว่า นี่คือการฮุบโครงการทวายจาก มือเอกชนของรัฐบาล
แต่หากฟังน้ำเสียงของ สมเจตน์ ทิณพงษ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ทวาย ดีเวล๊อปเมนต์ ที่กล่าวว่า การจัดตั้งเอสพีวีรัฐบาลไทย และเมียนมาร์เป็นการดำเนินก ารระหว่างรัฐบาล และขณะนี้ก็ยังไม่มีการเปลี ่ยนตัวผู้ถือสัญญาทวาย วันนี้อิตาเลียนไทยฯ ยังถือสัญญาอยู่
ส่วนในอนาคตเอสพีวีจะมาถือส ัญญาแทนอิตาเลียนไทยฯ ก็เป็นเรื่องที่ดี เพราะอิตาเลียนไทยฯ จะได้เงินลงทุนที่ลงไปแล้วท ั้งหมด และยังได้ร่วมลงทุนและได้งา นใหม่อีก
“เราต้องชอบสิ เงื่อนไขแบบนี้ เพราะยังเป็นผู้พัฒนาโครงกา รเหมือนเดิม เงินเก่าที่ลงไปแล้วก็ได้คื น แถมได้งานใหม่อีก ใครจะไม่ชอบบ้าง และเราก็ตั้งใจว่า ถ้าให้เป็นแบบนั้นได้จะยิ่ง ดี ไม่มีใครมาบีบเราเหมือนที่พ ูดๆ กัน” สมเจตน์ กล่าว
ภาพที่ชัดเจนที่สุดจากคำชี้ แจงนี้ คือ เอกชนยินยอมพร้อมใจ
ปัญหาที่ต้องขบคิด คือ อะไรที่ทำให้เอกชนยินยอม
ข้อมูลจากคณะกรรมการประสานง านร่วมระหว่างไทยเมียนมาร์ เพื่อการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิ เศษทวายและพื้นที่โครงการที ่เกี่ยวข้อง (เจซีซี) ระบุว่า เมียนมาร์ไม่อยากได้อิตาเลี ยนไทยฯ พัฒนาโครงการ เพราะ 2 ปีที่ผ่านมา การพัฒนาโครงการไม่คืบหน้า
สอดรับกับคำชี้แจงจาก นิวัฒน์ธำรงบุญทรงไพศาล รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ชี้แจงกับโพสต์ทูเดย์ว่า อิตาเลียนไทยฯ จะยังเป็นผู้ลงทุนรายหนึ่งใ นบริษัทร่วมทุนอื่นๆ แต่อาจจะไม่อยู่ในเอสพีวี เพราะเมียนมาร์เขาอยากจะได้ ตัวแทนรัฐบาล คือ องค์กรที่เกี่ยวเนื่องกับรั ฐบาล หรือรัฐวิสาหกิจของเมียนมาร ์ ไทย ญี่ปุ่น และประเทศที่ 4 มาถือหุ้นใหญ่ในเอสพีวีในสั ดส่วนเท่าๆ กัน
ส่วนบริษัทร่วมทุนอื่นๆ ที่จะพัฒนาโครงการ อิตาเลียนไทยฯ เลือกได้เลยว่าจะถือหุ้นบริ ษัทใด
ประการต่อมา ในหนังสือสัญญาสัมปทานระหว่ างอิตาเลียนไทยฯ กับเมียนมาร์นั้นมี 2 สัญญา
สัญญาฉบับแรก เป็นสัมปทานการพัฒนาโครงการ ทวาย อิตาเลียนไทยฯ ที่เซ็นสัญญากับรัฐบาลเมียน มาร์ในปี 2553 ในนั้นระบุชัดว่า เมียนมาร์สามารถที่จะฉีกสัญ ญาทิ้งได้ตลอดเวลา หากอิตาเลียนไทยฯ ผิดสัญญาหรือไม่สามารถพัฒนา โครงการได้ตามสัญญา
สัญญาฉบับที่ 2 รัฐบาลเมียนมาร์ได้ลงนามเอ็ มโอยูกับอิตาเลียนไทยฯ ในปีที่ผ่านมา โดยกำหนดให้อิตาเลียนไทยฯ จะเป็นผู้ลงทุนรายหนึ่งในทว ายแน่นอน
นั่นหมายถึงว่า แม้จะเปลี่ยนผู้ถือสัญญาทวา ย อิตาเลียนไทยฯ จะมีสิทธิลงทุนในโครงการลงท ุนทั้ง 8 โครงการ ทั้งถนน ท่าเรือ โรงไฟฟ้า นิคมอุตสาหกรรม และอื่นๆ แน่นอน
เพราะฉะนั้น อิตาเลียนไทยฯ จึงยินยอม เพราะมีแต่ได้ ไม่มีเสีย
แต่สำหรับรัฐบาล มีคำถามตัวโตว่าการกระโดดไป เป็นผู้เล่นในโครงการนี้เอง จะได้ประโยชน์อะไร
นิวัฒน์ธำรง ระบุว่า การที่รัฐบาลไทยจะส่งตัวแทน ร่วมทุนในเอสพีวีร่วมกับรัฐ บาลเมียนมาร์ ก็เพื่อให้โครงการทวายเกิดแ ละขับเคลื่อนได้อย่างมีประส ิทธิภาพ
เพราะการที่รัฐบาลไทยต้องเข ้าไปเกี่ยวข้องกับโครงการพั ฒนาพื้นที่ทวาย เพราะเป็นประโยชน์กับประเทศ ในการเชื่อมต่อประเทศผ่านนิ คมฯ ทวาย และเป็นทางออกสู่ทะเลด้านตะ วันตก
ขณะที่เอกชนจะได้ประโยชน์ เพราะจะมีพื้นที่ขยายการลงท ุน
คำชี้แจงดังกล่าวดูเหมือนว่ ายังไม่มีน้ำหนักเพียงพอสำห รับภารกิจ “มิชชัน อิมพอสซิเบิล” นี้
อย่าลืมว่า การเป็นโต้โผจัดตั้งเอสพีวี ขึ้นมาแล้วบีบบังคับให้รัฐว ิสาหกิจ เช่น บริษัท ปตท. การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศ ไทย การท่าเรือแห่งประเทศไทย ฯลฯ เข้าไปร่วมลงทุนถือหุ้นในเอ สพีวีแทนที่รัฐบาลไทย เพื่อพัฒนาพื้นที่ทวายที่ปร ะเทศเมียนมาร์นั้น
ผลประโยชน์ต่อประเทศในเชิงก ารพัฒนาศักยภาพแตกต่างกับกา รที่รัฐบาลเป็นโต้โผแล้วดึง เงินจากส่วนต่างๆ มาพัฒนาอีสเทิร์นซีบอร์ด หรือเซาเทิร์นซีบอร์ด ในประเทศไทยลิบลับ และเทียบกันไม่ติด
หากรัฐบาลไทยไปเป็นเจ้าภาพก ารพัฒนาท่าเรือน้ำลึกและนิค มอุตสาหกรรม ปิโตรเคมี ครอบคลุมพื้นที่ 4 แสนไร่ ถนนและทางรถไฟเชื่อมโยงไทยเ มียนมาร์ รวมไปถึงน้ำมันและท่อส่งก๊า ซธรรมชาติจากอ่าวมะตะบันไปย ังชายแดนไทยเมียนมาร์ วงเงินลงทุนร่วม 4 แสนล้านบาท เท่ากับเป็นการพัฒนาประเทศเ มียนมาร์ ไม่ใช่พัฒนาประเทศไทย
นี่คือประเด็นที่รัฐบาลจะต้ องชี้แจง
***ที่มาโพสทูเดย์***
คุณคิดว่า โครงการทวาย เกี่ยวข้องกับไฟดับ ที่ 14 จังหวัดภาคใต้ไหม???
"นิวัฒน์ธำรง"เผยญี่ปุ่นสนใ จร่วมลงทุนโครงการทวายแน่ แย้ม"ท่าเรือ - นิคมฯ"เป็นแหล่งธุรกิจแห่งใ หม่
นายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐม นตรี กล่าวในรายการรัฐบาลยิ่งลัก ษณ์ พบประชาชน ในโอกาสเดินทางเยือนญี่ปุ่น ร่วมกับคณะน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ว่า จากการประชุมให้ข้อมูลนักลง ทุนบริษัทญี่ปุ่นประมาณ 300 บริษัท เกี่ยวกับโครงการทวาย ซึ่งได้รับความสนใจจากนักลง ทุนญี่่ปุ่นอย่างมาก เชื่อมั่นว่าเขาจะไปร่วมลงท ุนเพื่อสร้างท่าเรือน้ำลึกท วายให้ยิ่งใหญ่ เหมือนอีสเทิร์นซีบอร์ด โดยสิ่งที่ญี่ปุ่นสนใจหลักๆ มี 2 เรื่อง คือ ท่าเรือ และนิคมอุตสาหกรรม
นายนิวัฒน์ธำรง กล่าวอีกว่า ความน่าสนใจ คือ จากที่เราได้จัดหาพื้นที่ให ญ่ๆ ทำท่าเรือ และพื้นที่ทำนิคมฯหาได้ยาก ถือเป็นแหล่งธุรกิจแหล่งใหม ่ นอกจากท่าเรือและนิคมฯแล้วก ็มีการพูดถึงเรื่องเมือง การพัฒนาเมือง ซึ่งตรงนั้นมีหาดทรายยาวที่ เป็นสถานที่ท่องเที่ยวได้อี กด้วย ซึ่งไม่เพียงแต่เป็นการพัฒน าของพม่าเท่านั้น ถือเป็นการขยายธุรกิจของไทย ไปอีกระดับหนึ่ง นอกจากนี้ทางรัฐบาลพม่าก็ได ้ออกกฎหมายใหม่เพื่อส่งเสริ มการลงทุน
นายนิวัฒน์ธำรง กล่าวต่อว่า นอกจากการประชุมกับ 300 บริษัทแล้ว ก็มีการประชุมกับซีอีโอบริษ ัทใหญ่ๆอีกครั้ง และนายกฯก็ได้คุยกับนายชินโ ซ อาเบะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น โดยนายอาเบะ จะไปพบประธานาธิบดีพม่า ก็คงจะดำเนินการกันต่อไป ซึ่งในการดำเนินการ ระดับบนก็มีการวางนโยบาย ซึ่งเราคาดว่ามี 4 ประเทศ ส่วนในระดับล่างก็เป็นภาคเอ กชนหมด มีกลุ่มภาคเอกชนทั่วไปไม่ใช ่แค่ 3 - 4 ประเทศ เพราะเป็นโครงการขนาดใหญ่ ทั้งนี้จากที่มาคุย ทุกคนมั่นใจและบอกว่าต้องกา รไปลงทุน ตนเชื่อมั่นว่าเขาคงไปแน่นอ น แม้ระบบของญี่ปุ่นในบางทีอา จจะตัดสินใจช้าไปบ้าง
ส่วนรื่องของแหล่งพลังงานทา งประเทศไทยจะเป็นหัวหอก โดยกระทรวงพลังงานได้ยื่นข้ อเสนอให้กับคณะกรรมการฝ่ายพ ม่าไปแล้ว ที่จะไปสร้างโรงงานไฟฟ้าโดย ใช้ถ่านหินบริสุทธิ์ ขนาดใหญ่ 3,000 เมกะวัตต์ ซึ่งถ้าเหลือใช้แล้วก็สามาร ถที่จะขายมายังประเทศไทยเพร าะเราเองก็ขาดไฟฟ้า ขาดการระบบสำรอง เพราะเวลาเกิดเหตุไฟก็ดับ ซึ่งจะปล่อยให้เป็นเช่นนั้น ไม่ได้ ซึ่งโครงการทวายก็เป็นอีกโค รงการหนึ่งที่เราจะหาแหล่งไ ฟฟ้าเพิ่มเติม
-------------------------- -----------------
ลืมหรือยัง!! คดีปรส.ใกล้หมดอายุความ 21 มิ.ย.ชาติเสียหาย 8แสนล้าน
เรื่องเงินๆทอง ๆ ที่รัฐบาลนำมาบริหารประเทศ ต้องจับตาตรวจสอบกันอย่างใก ล้ชิด เพราะจำนวนเงินมหาศาล จะมีการแบ่งสรรเงินกันอย่าง ไร เพื่อไม่ให้เกิดการทุจริต คอรัปชั่น และนำไปใช้ให้เกิดประโยชน์ส ูงสุด โดยในสัปดาห์ที่ผ่านมา มีการถกเถียงกันอย่างดุเดือ ดถึง ร่างพ.ร.บ.กู้เงิน 2.2 ล้านล้านบาท ของรัฐบาล โดยอ้างว่าทำเพื่อประชาชน และคนไทยจะได้ประโยชน์มากที ่สุด
ขณะเดียวกัน ทางด้านฝ่ายค้านก็เตรียมถล่ ม ไม่เห็นด้วย เนื่องจากไม่มีความชัดเจน เกรงว่าจะเป็นการง่ายต่อการ โยกย้ายงบประมาณจำนวนมหาศาล รวมทั้งมีการสอดไส้โครงการก ่อสร้างถนนสายย่อยเพื่อการเ กษตรและการท่องเที่ยว โดยนายกรณ์ จาติกวณิช รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงก ารคลัง มีความเห็นว่า เงินกู้ 2 ล้านล้าน จะไปล้มล้างพ.ร.บ.หนี้สาธาร ณะ ที่ออกในสมัยรัฐบาลพันตำรวจ โททักษิณ ชินวัตร และจะเป็นการแบกหนี้ไว้ถึง 50 ปี
งบประมาณมหาศาลกว่า 2ล้านล้าน สิ่งที่สำคัญก็คือ ความโปร่งใส ในการจัดสรรเงิน ไม่ให้เกิดความเสียหายต่องบ ประมาณประเทศชาติ จนกลายเป็นวงจรอุบาศว์วนเวี ยนอยู่อย่างนี้เรื่อยไป จนภาพลักษณ์นักการเมืองถูกม องเป็นอาชีพที่มีการทุจริต คดโกง
เมื่อกล่าวถึงบทเรียนในเรื่ องความเสียหายสาธารณะ ประเด็นที่น่าสนใจในขณะนี้ก ็คือ คดี ปรส.ไม่ได้ ที่ประเทศชาติเสียหายกว่า 8 แสนล้าน และกำลังจะหมดอายุความ วันที่ 21 มิถุนายนที่จะถึงนี้ โดยคดีดังกล่าวเกิดขึ้นสมัย ปี 2540 ช่วงวิกฤติเศรษฐกิจฟองสบู่แ ตก ซึ่งเป็นสำนวนคดี การขายทรัพย์สินขององค์การเ พื่อการปฏิรูประบบสถาบันการ เงิน หรือปรส.เกี่ยวกับการเร่ขาย สินเชื่อที่อยู่อาศัย 56 สถาบันการเงินที่ถูกปิดกิจก าร มูลค่า 851,000 ล้านบาท ไปประมูลขายเพียง 190,000 ล้านบาท อีกทั้งกำหนดหลักเกณฑ์เอื้อ ประโยชน์ให้เอกชน และหลบเลี่ยงภาษี คดีหมายเลขดำที่ อ.3344/2551
แต่เดิมนั้น ปรส.ในสมัยของพลเอกชวลิต ยงใจยุทธ เป็นนายกรัฐมนตรี ได้สั่งปิด 56 ไฟแนนซ์ และตั้งปรส.ขึ้นมา เพื่อแยกหนี้ดี-หนี้เสียออก จากกัน แล้วค่อยประมูลขาย เพื่อปลดล็อกสินทรัพย์ทั้งห ลาย ที่ถูกแช่แข็งอยู่ออกมาหมุน เวียนให้เกิดประโยชน์ อย่างรวดเร็วที่สุดและโปร่ง ใสที่สุด โดยสินทรัพย์ดีจะได้ขายได้ใ นราคาที่ดี (โดยใช้วิธีประมูล) อีกทั้งช่วยเหลือผู้ฝากเงิน และเจ้าหนี้ที่สุจริต โดยเฉพาะกองทุนเพื่อการฟื้น ฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิ น ซึ่งเป็นเจ้าหนี้รายใหญ่ในส ัดส่วน 87.54% และเพื่อชำระบัญชีสถาบันการ เงินที่ไม่สามารถฟื้นฟูกิจก ารได้
แต่ในทางปฏิบัติ สมัย นายชวน หลีกภัยเป็นนายกรัฐมนตรี พรรคประชาธิปปัตย์มาบริหารป ระเทศนั้น มีการตั้งข้อสังเกตกันว่า กระทำขัดต่อวัตถุประสงค์ของ กฎหมายที่มุ่งแก้ไข ระบบสถาบันการเงินด้วยการฟื ้นฟูฐานะของบริษัทที่ถูกระง ับการดำเนินการ ไม่ได้มีการแยกสินทรัพย์ดี และเสีย ( Good Bank –Bad Bank ) ทำรัฐเสียหายกว่า 8แสนล้าน เกิดความเสียหายแก่ระบบเศรษ ฐกิจของประเทศ ส่งผลให้ต่างชาติเข้ามากอบโ กยผลประโยชน์โดยมิชอบ
มีผู้เสียหายเข้าร้องทุกข์ก ล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวนคดี พิเศษ 5 คดี ผลของการกระทำดังกล่าวทำให้ การประมูลทรัพย์ ได้ราคาที่ต่ำมาก ซึ่งดีเอสไอสรุปสำนวนคดี ปรส. ชี้การกระทำดังกล่าวว่า ไม่ชอบด้วยกฎหมายใน10ประเด็ น ดังนี้
1.ปรส.ยินยอมให้นิติบุคคลที ่เกี่ยวข้องกับปรส.เข้าประม ูลซื้อทรัพย์สิน จากปรส.โดยมิชอบ
2.คณะกรรมการปรส.บางคนมีส่ว นเกี่ยวข้องปกปิดข้อเท็จจริ ง กระทำการโดยไม่โปร่งใส
3.ข้อกำหนดของปรส.ที่ให้ผู้ ชนะการประมูลโอนสิทธิได้ขัด ต่อกฎหมาย
4.การโอนสิทธิของผู้ชนะการป ระมูล ไม่ชอบ ขัดต่อพรก.ปรส.
5.ข้อกำหนดการขายทรัพย์สินข องคณะกรรมการปรส.ไม่ชอบด้วย กฎหมาย
6.คณะกรรมการปรส.และกลุ่มนิ ติบุคคลที่เกี่ยวข้องกับปรส .ฝ่าฝืนข้อสนเทศการขาย ทรัพย์สิน
7. กองทุนรวมที่รับโอนสิทธิจาก ผู้ชนะการประมูลซื้อทรัพย์ส ินจากปรส. ยังไม่มีฐานะเป็นนิติบุคคล
8.มีการทำสัญญาไม่ชอบด้วยกฎ หมาย
9.สิทธิของนิติบุคคลที่ชนะก ารประมูลไม่สมบูรณ์ เนื่องจากขาดคุณสมบัติตามข้ อกำหนดการขายทรัพย์สินของปร ส. และ
10.ผู้ดำรงตำแหน่งกรรมการปร ส.บางคนขาดคุณสมบัติเนื่องจ ากดำรงตำแหน่งทับซ้อน กับสถาบันการเงินอีกแห่ง
คดีนี้ ล่าช้ามากว่าสิบปี และกำลังจะหลุดลอยนวลไปในอี กไม่ช้า หากคนไทยลืมง่าย 8 แสนล้านก็คงไม่มีผลใดๆอีกต่ อไป นับว่าเป็นปัญหาใหญ่ ซึ่งต้องรอทางปปช.ว่า จะชี้แจงเรื่องนี้ว่าอย่างไ ร
Mthai News
-------------------------- ------------------
ปรส. นั้นย่อมาจาก องค์การเพื่อการปฎิรูประบบ
สถาบันการเงิน ถูกตั้งขึ้นมาพร้อมกับ บบส.
เมื่อประมาณปี 2540 เพื่อทำหน้าที่แก้ไขปัญหาขอ ง
สถาบันการเงินที่ถูกปิดไป 58 แห่ง ก่อให้เกิดปัญหาเรื่อง
สภาพคล่องแก่ธุรกิจที่เกี่ย วเนื่องกับสถาบันการเงินที่ ถูกปิด
เพราะก่อให้เกิดผลกระทบในวง กว้าง อาทิ ผู้ที่ฝากเงิน
ผู้ที่กู้เงิน และอื่นๆ ที่สำคัญกระทบความเชื่อมั่น ต่อระบบ
การเงินของประเทศ จากการปิดสถาบันการเงิน 58 แห่ง
ทำให้สินทรัพย์ทั้งหลายถูกแ ช่แข็งอยู่ ไม่ได้ออกมา
หมุนเวียนให้เกิดประโยชน์ และสภาพคล่อง จะเห็นได้
ว่าโดยหลักการแล้วตั้ง ปรส. ขึ้นมานั้นเพื่อปลดล็อก ซึ่ง
โดยหลักการแล้วน่าจะดี แต่ในทางปฏิบัติแล้วกลับไม่ ได้
ทำง่นอย่างอิสระ (ถูกการเมืองแทรกแซง) ขอโทษที่ต้อง
เอ่ยนาม พรรคปชป. นี่แหละที่แทรกแซงจนทำให้ ปรส.
นั้นกลายเป็นคำที่ย่อมาจากค ำว่า ปล้นรอบสอง
ถามว่าทำยังไงจาก 8 แสนล้าน จึงเหลือ 2 แสนล้าน
ต้องกลับมาดูที่วิธีการครับ โดยหลักการแล้ว ปรส. จะเขา
มาจัดการกับสินทรัพย์โดยควร จะแยกสินทรัพย์ที่ดี และ
เลวออกจากกัน เพื่อที่สินทรัพย์ดี (รวมถึงลูกหนี้ชั้นดี)
ออกจากสินทรัพย์เลว เพื่อที่สินทรัพย์ดีจะได้ขา ยได้ในราคาที่ดี (โดยใช้วิธีประมูล) ซึ่ง บบส. จะมามีบทบาท
ตรงนี้คือจะเป็นหนึ่งในผู้ท ี่ร่วมประมูล แข่งขัน เพื่อให้
ปรส. ขายได้ในราคาที่ดี นั่นคือหลักการที่ควรจะเป็น
ในทางปฏิบัติ กลับรวมสินทรัพย์ที่ดีและไม ่ดีเข้าด้วยกัน
แล้วแบ่งเป็นหลายๆก้อน (ตรงนี้ก็มีประเด็น คือ แบ่งเป็น
ก้อน ควรจะแบ่งเป็นก้อนเล็กๆ พอประมาณ เพื่อที่สถาบัน
การเงินอื่นที่ส่วนใหญ่อ่อน แออยู่ หรือผู้ที่สนใจจะได้ร่วม
ประมูลได้) ปรส. กลับแบ่งเป็นก้อนใหญ่มาก ผู้ที่จะประมูล
ได้นั้นแน่นอนต่างชาติ แบบไร้คู่แข่ง แม้กระทั่ง บบส. ก็
แข่งลำบาก ผลก็คือจากราคา 100 บาท ต่างชาติประมูล
ได้ในราคาประมาณ 18 ถึง 20 กว่าบาทเท่านั้น เห็นภาพ
รึยังครับ ถึงแม้จะมีการสอบสวนอย่างไร ก็เอาผิด ปรส.
ไม่ได้ เขาทำถูกกฏหมาย แต่ผิดที่วิธีการ ก็เท่านั้น
ก็เล่นขายให้ฝรั่งแค่ 20% ของราคาทุน มันก็ต้องได้เท่านั้นแหละ ไม่ขายก้ออ้างไอเอ็มเอฟบังค ับ
แต่เชื่อปะคนเป็นหนี้เดิมกั บ ปรส ไปขอซื้อหนี้ ปรส ไม่ขายจะขายให้แต่ฝรั่งถูกๆ สุดท้ายลูกหนี้รายนั้นก็ต้อ งไปซื้อหนี้คืนจากฝรั่งโดยใ ห้ฝรั่งมันกำไรไป เงินออกนอกประเทศเป็นหมื่นๆ แสนๆล้าน มากกว่าไอ้เงินที่จะไปซื้อบ อลลิเวอร์พูลหลายสิบเท่า เจ็บสุดคือ
1.ฝรั่งร่วมมือกับผู้มีอำนา จไปเอาเงินลูกหนี้ที่ต้องกา รซื้อหนี้คืนในราคา 50 %มาจ่ายค่าประมูลจากปรส.ในร าคา 20%กำไรไม่ต้องลงทุน
2.ลูกหนี้รายย่อยต้องโดนบัง คับหนี้เต็มอย่างเคร่งครัด ขณะที่รายใหญ่มีการช่วยเหลื อผ่อนผันกัน
แต่ถามว่าใครคือผู้ที่ทำให้ เกิดต้นยำกู้ง ปี 2540 นั่นละตัวต้นเหตุของเรื่อง
ทักษิณ นั่นเอง แล้วคนที่ได้สินทรัพย์ราคาถ ูกก็กลุ่มทักษิณนั่นแหละSee More
คิดว่า โครงการ ทวาย เกี่ยวข้องกับเงินกู้ 2.2 ล้านล้านไหม?
รัฐบาลโต้โผทวายไทยได้อะไร
11 เมษายน 2556 เวลา 09:16 น.
โดย...บากบั่น บุญเลิศ...
ในที่สุดรัฐบาลไทยก็กลายเป็
เมื่อที่ประชุม ครม.วันที่ 10 เม.ย. ที่มีนายกรัฐมนตรีเป็นประธา
สาระหลักของมติดังกล่าว คือ เห็นชอบในการเชิญญี่ปุ่นเข้
แต่ที่สำคัญ คือ เห็นชอบกับข้อตกลงเรื่องการ
นั่นเท่ากับว่า รัฐบาลไทยกลายเป็นโต้โผหลัก
วิธีการที่รัฐบาลทำ คือ เมื่อเข้าไปรับสัมปทานแทนที
เมื่อเปลี่ยนคู่สัญญาเสร็จส
ชัดเจนไม่ต้องอธิบายว่า เอสพีวีที่รัฐบาลจัดตั้งขึ้
ส่วนรูปแบบของเอสพีวีที่จัด
เบ็ดเสร็จเรียบร้อย รัฐบาล ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ก็จะต้องเข้าไปรับภาระในการ
หลายคนอาจมองว่า นี่คือการฮุบโครงการทวายจาก
แต่หากฟังน้ำเสียงของ สมเจตน์ ทิณพงษ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ทวาย ดีเวล๊อปเมนต์ ที่กล่าวว่า การจัดตั้งเอสพีวีรัฐบาลไทย
ส่วนในอนาคตเอสพีวีจะมาถือส
“เราต้องชอบสิ เงื่อนไขแบบนี้ เพราะยังเป็นผู้พัฒนาโครงกา
ภาพที่ชัดเจนที่สุดจากคำชี้
ปัญหาที่ต้องขบคิด คือ อะไรที่ทำให้เอกชนยินยอม
ข้อมูลจากคณะกรรมการประสานง
สอดรับกับคำชี้แจงจาก นิวัฒน์ธำรงบุญทรงไพศาล รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี
ส่วนบริษัทร่วมทุนอื่นๆ ที่จะพัฒนาโครงการ อิตาเลียนไทยฯ เลือกได้เลยว่าจะถือหุ้นบริ
ประการต่อมา ในหนังสือสัญญาสัมปทานระหว่
สัญญาฉบับแรก เป็นสัมปทานการพัฒนาโครงการ
สัญญาฉบับที่ 2 รัฐบาลเมียนมาร์ได้ลงนามเอ็
นั่นหมายถึงว่า แม้จะเปลี่ยนผู้ถือสัญญาทวา
เพราะฉะนั้น อิตาเลียนไทยฯ จึงยินยอม เพราะมีแต่ได้ ไม่มีเสีย
แต่สำหรับรัฐบาล มีคำถามตัวโตว่าการกระโดดไป
นิวัฒน์ธำรง ระบุว่า การที่รัฐบาลไทยจะส่งตัวแทน
เพราะการที่รัฐบาลไทยต้องเข
ขณะที่เอกชนจะได้ประโยชน์ เพราะจะมีพื้นที่ขยายการลงท
คำชี้แจงดังกล่าวดูเหมือนว่
อย่าลืมว่า การเป็นโต้โผจัดตั้งเอสพีวี
ผลประโยชน์ต่อประเทศในเชิงก
หากรัฐบาลไทยไปเป็นเจ้าภาพก
นี่คือประเด็นที่รัฐบาลจะต้
***ที่มาโพสทูเดย์***
คุณคิดว่า โครงการทวาย เกี่ยวข้องกับไฟดับ ที่ 14 จังหวัดภาคใต้ไหม???
"นิวัฒน์ธำรง"เผยญี่ปุ่นสนใ
นายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐม
นายนิวัฒน์ธำรง กล่าวอีกว่า ความน่าสนใจ คือ จากที่เราได้จัดหาพื้นที่ให
นายนิวัฒน์ธำรง กล่าวต่อว่า นอกจากการประชุมกับ 300 บริษัทแล้ว ก็มีการประชุมกับซีอีโอบริษ
ส่วนรื่องของแหล่งพลังงานทา
--------------------------
ลืมหรือยัง!! คดีปรส.ใกล้หมดอายุความ 21 มิ.ย.ชาติเสียหาย 8แสนล้าน
เรื่องเงินๆทอง ๆ ที่รัฐบาลนำมาบริหารประเทศ ต้องจับตาตรวจสอบกันอย่างใก
ขณะเดียวกัน ทางด้านฝ่ายค้านก็เตรียมถล่
งบประมาณมหาศาลกว่า 2ล้านล้าน สิ่งที่สำคัญก็คือ ความโปร่งใส ในการจัดสรรเงิน ไม่ให้เกิดความเสียหายต่องบ
เมื่อกล่าวถึงบทเรียนในเรื่
แต่เดิมนั้น ปรส.ในสมัยของพลเอกชวลิต ยงใจยุทธ เป็นนายกรัฐมนตรี ได้สั่งปิด 56 ไฟแนนซ์ และตั้งปรส.ขึ้นมา เพื่อแยกหนี้ดี-หนี้เสียออก
แต่ในทางปฏิบัติ สมัย นายชวน หลีกภัยเป็นนายกรัฐมนตรี พรรคประชาธิปปัตย์มาบริหารป
มีผู้เสียหายเข้าร้องทุกข์ก
1.ปรส.ยินยอมให้นิติบุคคลที
2.คณะกรรมการปรส.บางคนมีส่ว
3.ข้อกำหนดของปรส.ที่ให้ผู้
4.การโอนสิทธิของผู้ชนะการป
5.ข้อกำหนดการขายทรัพย์สินข
6.คณะกรรมการปรส.และกลุ่มนิ
7. กองทุนรวมที่รับโอนสิทธิจาก
8.มีการทำสัญญาไม่ชอบด้วยกฎ
9.สิทธิของนิติบุคคลที่ชนะก
10.ผู้ดำรงตำแหน่งกรรมการปร
คดีนี้ ล่าช้ามากว่าสิบปี และกำลังจะหลุดลอยนวลไปในอี
Mthai News
--------------------------
ปรส. นั้นย่อมาจาก องค์การเพื่อการปฎิรูประบบ
สถาบันการเงิน ถูกตั้งขึ้นมาพร้อมกับ บบส.
เมื่อประมาณปี 2540 เพื่อทำหน้าที่แก้ไขปัญหาขอ
สถาบันการเงินที่ถูกปิดไป 58 แห่ง ก่อให้เกิดปัญหาเรื่อง
สภาพคล่องแก่ธุรกิจที่เกี่ย
เพราะก่อให้เกิดผลกระทบในวง
ผู้ที่กู้เงิน และอื่นๆ ที่สำคัญกระทบความเชื่อมั่น
การเงินของประเทศ จากการปิดสถาบันการเงิน 58 แห่ง
ทำให้สินทรัพย์ทั้งหลายถูกแ
หมุนเวียนให้เกิดประโยชน์ และสภาพคล่อง จะเห็นได้
ว่าโดยหลักการแล้วตั้ง ปรส. ขึ้นมานั้นเพื่อปลดล็อก ซึ่ง
โดยหลักการแล้วน่าจะดี แต่ในทางปฏิบัติแล้วกลับไม่
ทำง่นอย่างอิสระ (ถูกการเมืองแทรกแซง) ขอโทษที่ต้อง
เอ่ยนาม พรรคปชป. นี่แหละที่แทรกแซงจนทำให้ ปรส.
นั้นกลายเป็นคำที่ย่อมาจากค
ถามว่าทำยังไงจาก 8 แสนล้าน จึงเหลือ 2 แสนล้าน
ต้องกลับมาดูที่วิธีการครับ
มาจัดการกับสินทรัพย์โดยควร
เลวออกจากกัน เพื่อที่สินทรัพย์ดี (รวมถึงลูกหนี้ชั้นดี)
ออกจากสินทรัพย์เลว เพื่อที่สินทรัพย์ดีจะได้ขา
ตรงนี้คือจะเป็นหนึ่งในผู้ท
ปรส. ขายได้ในราคาที่ดี นั่นคือหลักการที่ควรจะเป็น
ในทางปฏิบัติ กลับรวมสินทรัพย์ที่ดีและไม
แล้วแบ่งเป็นหลายๆก้อน (ตรงนี้ก็มีประเด็น คือ แบ่งเป็น
ก้อน ควรจะแบ่งเป็นก้อนเล็กๆ พอประมาณ เพื่อที่สถาบัน
การเงินอื่นที่ส่วนใหญ่อ่อน
ประมูลได้) ปรส. กลับแบ่งเป็นก้อนใหญ่มาก ผู้ที่จะประมูล
ได้นั้นแน่นอนต่างชาติ แบบไร้คู่แข่ง แม้กระทั่ง บบส. ก็
แข่งลำบาก ผลก็คือจากราคา 100 บาท ต่างชาติประมูล
ได้ในราคาประมาณ 18 ถึง 20 กว่าบาทเท่านั้น เห็นภาพ
รึยังครับ ถึงแม้จะมีการสอบสวนอย่างไร
ไม่ได้ เขาทำถูกกฏหมาย แต่ผิดที่วิธีการ ก็เท่านั้น
ก็เล่นขายให้ฝรั่งแค่ 20% ของราคาทุน มันก็ต้องได้เท่านั้นแหละ ไม่ขายก้ออ้างไอเอ็มเอฟบังค
แต่เชื่อปะคนเป็นหนี้เดิมกั
1.ฝรั่งร่วมมือกับผู้มีอำนา
2.ลูกหนี้รายย่อยต้องโดนบัง
แต่ถามว่าใครคือผู้ที่ทำให้
ทักษิณ นั่นเอง แล้วคนที่ได้สินทรัพย์ราคาถ
ข้อมูลจากสถาบันวิจัยประชากรและสังคม ม.มหิดล
ข้อมูลการจัดเก็บรายได้ของประเทศ แบ่งแยกตามภาคส่วน มีภาคเหนือ ภาคใต้ ภาคกลาง ภาคอีสานและ กรุงเทพมหานคร โดยรายได้ส่วนใหญ่คือเกือบจะทั้งหมดการจัดเก็บมาจาก ภาษีของประชาชน ข้อมูลของปี 2553 - 2555 ข้อมูลพวกนี้บอกอะไรเราบ้าง
1. จำนวนประชากร แบ่งตามภาค ปี 2557(ข้อมูลจากสถาบันวิจัยประชากรและสังคม ม.มหิดล)
กรุงเทพมหานคร 7.9 ล้านคน
ภาคกลาง(ไม่รวมกรุงเทพฯ) 18.1 ล้านคน
ภาคเหนือ 11.3 ล้านคน
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ(อีสาน) 18.6 ล้านคน
ภาคใต้ 8.7 ล้านคน
2. กรุงเทพมหานคร จังหวัดเดียว เป็นจังหวัดที่ ประชาชนเสียภาษีมากที่สุด โดยมากกว่า ภาคเหนือทั้งภาค มากกว่าภาคกลางทั้งภาค มากกว่าภาคอีสานทั้งภาค และ มากกว่า ภาคใต้ทั้งภาค และที่น่าสนใจคือ
กรุงเทพมหานครจังหวัดเดียว ประชาชนเสียภาษีมากกว่า ทุกภาคของประเทศรวมกัน คือประชาชนของทุกภาคเสียภาษีรวมกันน้อยกว่า กรุงเทพมหานครจังหวัดเดียว
ประชากรของกรุงเทพมหานครจังหวัดเดียว 7.9 ล้านคนมีจำนวนน้อยที่สุด แต่เสียภาษีมากกว่าทุกภาคในประเทศไทยรวมกัน (ตรงนี้ต้องเข้าใจด้วยว่า มีคนจากต่างจังหวัดเข้ามาทำงานในกรุงเทพฯ ด้วย)
3. ภาค ตะวันออกเฉียงเหนือ(อีสาน) เป็นภาคที่มีจำนวนประชากรมากที่สุด ถึง 18.6 ล้านคน แต่เสียภาษีน้อยที่สุด
4. ภาค ใต้ มีจำนวนประชากรน้อยที่สุดในทุกภาค(ไม่นับรวมกรุงเทพฯ) แต่เสียภาษีมากกว่า ภาคเหนือ และ ภาคอีสาน
5. ภาคเหนือ และ ภาคอีสาน(ฐานเสียงเพื่อไทย ทักษิณ เสื้อแดง) มีประชากรรวมทั้งหมด ประมาณ30ล้าน หรือ ครึ่งนึงของทั้งประเทศ แต่เสียภาษีรวมกันแค่ 3เปอร์เซนต์ ของภาษีที่เก็บได้ทั้งประเทศ
อ่านไม่ผิดหรอกครับ 3เปอร์เซนต์ เท่านั้น ทั้งๆที่จำนวนประชากรรวมกัน ครึ่งนึงหรือ 50เปอร์เซนต์ ของประเทศ
อีกครั้งนะครับ
ภาคเหนือและอีสาน เสียภาษีแค่ 3% ของทั้งประเทศ ทั้งที่จำนวนประชากรมี 50% ของประเทศ
จากข้อมูล ผมจะสรุปแบบนี้ได้ไหมครับ
1. คนส่วนใหญ่ที่เลือกเพื่อไทย เลือกทักษิณ ที่เป็นเสื้อแดง ไม่เสียภาษี หรือ เสียภาษีน้อยมากๆ
2. คนส่วนใหญ่ที่เลือกเพื่อไทย เลือกทักษิณ ที่เป็นเสื้อแดง เอาภาษีจากคนภาคอื่นที่ไม่ได้เลือกเพื่อไทย ไม่ได้เลือกทักษิณ และไม่ได้เป็นเสื้อแดง มาทำประชานิยมให้เค้าเหล่านั้น ทั้งๆที่ตัวเอง ไม่เสียภาษี
3. คนเสียงข้างมากจากการเลือกตั้งที่เลือกทักษิณ ที่เป็นเสื้อแดง ไม่เสียภาษี แต่เพราะมีจำนวนมาก ทำให้กำหนดได้ว่า พรรคไหนจะเป็นรัฐบาล เพื่อมาบริหารเงินของ คนเสียงข้างน้อยจากการเลือกตั้งที่เค้าเสียภาษี
4. คนที่ไม่เสียภาษีเหล่านั้น เรียกร้องให้แบ่งแยกดินแดง จะตั้งประเทศล้านนา สปป.ล้านนาขึ้นมาใหม่ คิดดีแล้วเหรอครับ จะเอาเงินไหนบริหารประเทศครับ
5. คนที่ไม่เสียภาษีเหล่านั้น ยอมที่จะได้เงินเพียงเศษประชานิยม ไปเลือกทักษิณ โดยที่ไม่รู้เลยว่า รัฐบาลโกงเงินเข้ากระเป๋าตัวเองเท่าไหร่(เช่น จำนำข้าว) และสุดท้าย ประชานิยมนั้นก็ยังทำไม่ได้จริง 6เดือนยังไม่ได้เงิน ทำลายระบบการค้าข้าวของไทยที่มีประวัติศาสตร์มายาวนานจนสิ้น
ปล. ข้อมูลทั้งหมดเป็นข้อเท็จจริง มิได้ต้องการที่จะแบ่งแยกหรือ ดูถูกใครทั้งนั้นทั้งสิ้น ย้ำว่าเป็นข้อมูลข้อเท็จจริงและ ต้องเข้าใจด้วยว่า คนต่างจังหวัดก็เข้ามาทำงานในกรุงเทพฯ เยอะมาก เพราะเป็นเมืองหลวง ทำให้ กรุงเทพฯ เก็บภาษีได้เยอะที่สุด
และจากข้อมูลเหล่านี้ ยิ่งแสดงให้เห็นว่า ประเทศไทย ควรมีการปฎิรูปโดยด่วนครับ เพราะมองเห็นได้เลยว่า ประชาชนเสพติดประชานิยม และ ประชานิยมเหล่านั้นกำลังทำให้รากฐาน นิสัย คนไทยเปลี่ยนแปลง แทนที่จะขยันทำมาหากิน ช่วยตัวเอง ทำงาน หาเงิน ก็จะกลายเป็นแบมือขอประชานิยม เพียงเพื่อให้ได้เศษเงินเพียงเล็กน้อยจากรัฐบาล โดยรู้หรือไม่รู้เลยว่า เงินส่วนใหญ่ถูกโกงกินไปเท่าไหร่แล้ว และทำลายรากฐาน จริยธรรม สิ่งดีงาม ในประเทศไทยไปสิ้น
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น