บทความนี้ของคุณสุทธิชัย หยุ่นและดิอิโคโนมิสท์ วิเคราะห์ถูกต้องตรงเหตุการณ์ครับ
" ประชาธิปไตย" ล้มเหลวเพราะ เลือกตั้งโดยไม่ถ่วงดุลอำนาจ
เรื่องขึ้นปกของ The Economist นิตยสารรายสัปดาห์ชื่อดังของอังกฤษเล่มล่าสุด สร้างความฮือฮาไม่น้อย
ในหมู่นักวิเคราะห์การเมืองระหว่างประเทศ... และในมวลหมู่นักประชาธิปไตยของไทย โดยเฉพาะผู้เรียกร้องให้มีการ “ปฏิรูปประเทศไทย” อย่างจริงจัง
ประเด็นที่เขาขึ้นพาดหัว คือ “ประชาธิปไตย” ของโลกมีปัญหาอะไรหรือ จึงเกิดความขัดแย้งกันมากมายในหลายประเทศ และจะมีวิธีการใดที่จะทำให้ระบอบการปกครองที่อดีต นายกฯ อังกฤษวินสตัน เชอร์ชิล เคยนิยามว่าเป็น “ระบอบการปกครองที่เลวน้อยที่สุด” กลับฟื้นขึ้นมาตอบสนองความต้องการของประชาชนอย่างแท้จริง
บทวิเคราะห์ยาว 6 หน้า ย้อนไปพูดถึงที่มาของระบอบการปกครองที่เรียกว่า democracy ซึ่งเพิ่งจะได้รับความนิยมในหลายๆ ประเทศ หลังจากสงครามโลกครั้งที่สอง ถึงวันนี้ประมาณกันว่าประเทศที่เลือกใช้ระบอบนี้มีประชากรรวมกันประมาณ 40% ของโลก
แต่ในระยะหลัง เหตุการณ์ในหลายประเทศที่กำลังพัฒนา สะท้อนถึงปัญหาของประชาธิปไตย
อีกทั้งมีการชี้ให้เห็นว่า จีน ไม่ใช้วิธีการเลือกตั้งแบบประชาธิปไตยตะวันตก พรรคคอมมิวนิสต์จีนควบคุมทุกกลไกของประเทศ เปลี่ยนผู้นำระดับสูงทุก 10 ปี คัดเลือกคนเก่งตามผลงาน ทำให้เศรษฐกิจก้าวหน้าพัฒนาอย่างรวดเร็ว
ขณะที่ความล้มเหลวในระบอบการเลือกตั้ง ปรากฏให้เห็นในหลายประเทศ เช่น ที่รัสเซีย โดยที่ บอริส เยลต์ซิน เป็นผู้นำคนแรกที่มาจากการเลือกตั้ง ต่อมา วลาดิเมียร์ ปูติน ได้ตำแหน่งทั้ง นายกฯ และ ประธานาธิบดี แม้ว่าจะมาจากการเลือกตั้ง ปูติน ก็ใช้วิธีการควบคุมกลไกการเมืองอย่างเข้มข้น แทรกแซงสื่อ จับคู่แข่งทางการเมืองคุมขังและกำกับดูแลประชาชนอย่างใกล้ชิด ใครคัดค้านหรือต่อต้านต้องเจอกับการคุกคามกลั่นแกล้งทุกวิถีทาง
ตัวอย่างความล้มเหลวของระบอบ “ประชาธิปไตย” ต่อมาก็เกิดที่ อิรัก อียิปต์ ซีเรีย ลิเบีย แอฟริกาใต้ ตุรกี ตอกย้ำว่าระบอบที่อ้างการเลือกตั้งเป็นหลักนั้น ก็ยังหลุดเข้าไปสู่ระบบเผด็จการและคอร์รัปชัน และปกครองผลประโยชน์เฉพาะกลุ่มผู้มีอำนาจอย่างน่ากลัว
บทวิเคราะห์นี้อ้างถึงเหตุการณ์ในไทย บังกลาเทศ และ กัมพูชา ที่ฝ่ายค้านและประชาชนจำนวนไม่น้อยออกมาประท้วงกลางถนน คัดค้านการเลือกตั้งภายใต้กติกาเก่าที่ผู้กุมอำนาจได้เปรียบตลอดกาล หรือเลือกตั้งแล้วก็ไม่ยอมรับผลการเลือกตั้ง เพราะความฉ้อฉลของผู้มีอำนาจ
เขาวิเคราะห์ว่าปัญหาที่ทำให้ระบอบประชาธิปไตยล้มเหลวในหลายๆ ประเทศ ก็เพราะ...
พรรคการเมืองต้องการจะชนะเลือกตั้งอย่างเดียว จึงเสนอนโยบายเฉพาะหน้า เอาใจผู้มีสิทธิเลือกตั้ง ไม่คำนึงถึงภาระปัญหาการเงินการคลังที่ตามมาจากนโยบาย “ประชานิยมสุดขั้ว”
อีกทั้งประชาชนวันนี้ ก็เน้นแต่ประโยชน์เฉพาะรุ่นของตนเอง มากกว่าที่จะสนใจว่าจะสร้างอะไรให้กับคนรุ่นต่อไป
เขาเสนอว่า การจะรักษาประชาธิปไตยในความหมายที่ให้ประชาชนส่วนใหญ่อยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข เสมอภาค และ สันติ นั้น จะต้องตระหนักว่า
1. ต้องไม่ยึดติดว่าประชาธิปไตย หมายถึง การเลือกตั้งอย่างเดียว อีกทั้งต้องไม่อาศัยเสียงข้างมากในสภาเพื่อแก้ไขกฎกติกาต่างๆ ให้ผู้มีอำนาจได้เปรียบคนอื่น อย่างไม่เป็นธรรม
คำว่า “majoritarianism” มีความหมายว่ากลุ่มการเมืองที่มีเสียงส่วนใหญ่ผ่านการเลือกตั้ง มักจะอ้าง “อาณัติจากประชาชน” กระทำการต่างๆ เพื่อผ่านกฎหมายหรือเปลี่ยนกติกาให้ตนได้ประโยชน์โดยไม่สนใจเสียงคัดค้านและความเห็นต่างจากคนที่อยู่เสียงข้างน้อย นำไปสู่การกล่าวหาว่ามีการใช้ “เผด็จการรัฐสภา” มาปกครองประเทศจนผิดเพี้ยนไปจากหลักคิดประชาธิปไตยที่แท้จริง
2. ต้องมีกลไกถ่วงดุลอำนาจของรัฐบาลที่เข้มแข็งและยั่งยืน หรือที่เรียกว่า checks and balances ที่ไม่ให้ผู้มีอำนาจกุมชะตากรรมคนทั้งประเทศ โดยไม่มีใครสามารถมาถ่วงดุลได้
3. คุ้มครองสิทธิส่วนบุคคลในการแสดงความคิดเห็น การรวมกลุ่มเพื่อเรียกร้องสิทธิอันชอบธรรมต่างๆ
4. มีกติกาป้องกันและปราบปรามคอร์รัปชันของภาครัฐ อย่างเข้มข้นและคึกคัก
5. ตีกรอบไม่ให้พรรคการเมืองเสนอผลประโยชน์ระยะสั้น ที่เกินความสามารถและขอบเขตของประเทศ และไม่ให้รัฐบาลเข้าแทรกแซงกิจกรรมเศรษฐกิจมากเกินไป
คนไทย อ่านบทวิเคราะห์นี้แล้ว เห็นภาพชัดเจนแจ่มแจ๋วเลยว่า เราจะต้องทำอะไรอย่างจริงจัง เพื่อให้ประเทศนี้ปกครองโดย “ระบอบประชาธิปไตย” ในความหมายที่แท้จริง เหมือนทีมงานวิเคราะห์ความล้มเหลวระบอบประชาธิปไตย ของ The Economist มานั่งอยู่แถวๆ กรุงเทพฯ ...ทีเดียว
จากคอลัมน์ : การเมือง : ทัศนะวิจารณ์...โดยกาแฟดำ (สุทธิชัย หยุ่น) กรุงเทพธุรกิจออนไลน์ 12มี.ค.2557
แก้กฎหมายลุยล้างทุจริต....
“การปฏิรูปประเทศไทย” วาทกรรมนี้กำลังเป็นที่พูดถึงกันอย่างมากในสังคมไทย เพราะหลายฝ่ายต่างเห็นตรงกันว่าถึงเวลาแล้วที่ประเทศไทยควรได้รับการปฏิรูปอีกครั้ง หลังจากก่อนหน้านี้ได้ผ่านการปฏิรูปมาแล้ว 2 ครั้ง จนมีรัฐธรรมนูญ....... อ่านต่อได้ที่ : http://bit.ly/1cxdbSi
“นักวิชาการ”เห็นพ้อง ปฏิรูประบบตรวจสอบ !!!!!
เดลินิวส์ออนไลน์
“นักวิชาการ”เห็นพ้อง ปฏิรูประบบตรวจสอบ- ให้อำนาจภาคปชช. แก้ปัญหาทุจริต
...
เมื่อวันที่ 12มี.ค. ที่อาคารศูนย์เยาวชนสวนลุมพ ินี คณะกรรมการประชาชนเพื่อการป ฏิรูปประเทศไทยให้เป็นประชา ธิปไตยสมบูรณ์อันมีพระมหากษ ัตริย์เป็นประมุข(กปปส.) ได้จัดเวทีระดมความคิดเพื่อ การปฏิรูปประเทศไทย ครั้งที่2 เรื่อง “ปฏิรูประบบตรวจสอบ ปลูกสำนึกคนไทย ขจัดภัยคอร์รัปชัน” โดยมีนพ.พลเดช ปิ่นประทีป เป็นประธาน
กระทั่งเวลา 10.00 น. นายสุเทพเทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส. การเปิดการเสวนาว่า การปฏิรูปประเทศในการปราบปร ามการทุจริตคอรัปชั่นนั้นถื อเป็นภารกิจสำคัญอย่างยิ่ง ปัญหาดังกล่าวในประเทศมันระ บาดอย่างรวดเร็ว รุนแรงจนเป็นที่หวั่นวิตกจะ ทำให้ประเทศเสียหายย่อยยับ และประชาชนในประเทศต่างก็เร ียกร้องให้ปราบปรามการทุจริ ตคอร์รัปชั่นอย่างจริงจังเพ ราะทุกครั้งที่ตนไปเดินรณรง ค์บนถนน ประชาชนที่ออกมาจับมือและมอ บเงินสนับสนุนการชุมนุมทุกค นต่างฝากความหวังว่าให้เราจ ัดการเรื่องนี้มากกว่าเรื่อ งอื่น
ดังนั้นจึงจำเป็นต้องหาทางแ ก้ไขซึ่งการเสวนาครั้งนี้สำ คัญขอให้เราตั้งความหวังว่า จะสามารถขจัดการทุจริตคอร์ร ัปชั่นให้ได้ผลแท้จริงเพื่อ ให้หลังจากที่มีรัฐบาลประชา ชนเข้ามา ก็จะสามารถทำงานได้ทันทีและ หากสามารถยกร่างกฎหมายที่เก ี่ยวข้องได้ด้วยก็จะยิ่งดี
หลังจากนั้น นายเจิมศักดิ์ ปิ่นทอง อดีตสมาชิกวุฒิสภา กล่าวตอนหนึ่งว่า ที่ผ่านมาการทุจริตเกิดจากก ารฉ้อราษฎร์บังหลวงโดยเป็นก ารทุจริตไม่ใหญ่มาก เป็นการหาค่าคอมมิชชั่นจากส ิ่งที่รัฐมีอยู่ แต่เมื่อระบอบทักษิณเข้ามาก ็เกิดการทุจริตเชิงนโยบายขึ ้นโดยมีการแฝงอยู่ในกระทรวง เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่ อสาร (ไอซีที) กระทรวงพลังงาน กระทรวงพาณิชย์รวมทั้งรัฐวิ สาหกิจต่าง ๆ
โดยมี 3 ตัวละคร คือ นักการเมือง ข้าราชการและพ่อค้านักธุรกิ จ ซึ่งหากตัวละครหนึ่งในสามตั วไม่เห็นด้วยการทุจริตเชิงน โยบายจะเกิดขึ้นไม่ได้โดยวิ ธีการทุจริตเชิงนโยบายนั้นจ ะชอบฝืนความเป็นจริง อาทิ กรณีโครงการรับจำนำข้าว โครงการบริหารจัดการน้ำ3.5 แสนล้าน รวมทั้งการกู้เงิน 2 ล้านล้านบาท
“ ประชาชนจำเป็นต้องมีองค์ควา มรู้ เพื่อที่จะตั้งข้อสังเกตกับ นโยบายที่ผิดปรกติได้เพราะบ างนโยบายอาจเป็นการเปิดช่อง หากินของกลุ่มธุรกิจการเมือ งทำให้ประเทศเสียโอกาสในหลา ยๆด้าน และที่สำคัญต้องมีการเปิดเผ ยข้อมูลการทุจริตคอร์รัปชั่ นดังนั้นหน่วยงานส่งเสริมตร วจสอบนักการเมืองต้องมีให้ม าก รวมถึงระบบตรวจสอบ ที่ต้องมีองค์กรใหม่ๆขึ้นมา ทำหน้าที่ โดยต้องมีบทลงโทษจริงจัง และมีการดำเนินการอย่างรวดเ ร็วขึ้น ”นายเจิมศักดิ์ กล่าว
ส่วน นายรัตพงษ์ สอนสุภาพ รองคณะบดีวิทยาลัยนวัตกรรมส ังคม มหาวิทยาลัยรังสิต กล่าวว่า วิธีบริหารจัดการปัญหาภายใต ้บริบทการเมืองเศรษฐกิจปัจจ ุบันนั้นเงื่อนไขเวลาขณะนี้ ดีที่สุด ที่จะเบรกการทุจริตคอร์รัปช ั่น ทั้งนี้การแก้ไขการทุจริตคอ ร์รัปชั่นของไทยที่ผ่านมานั ้น ไปเน้นที่การปราบปรามมากเกิ นไปแต่หน่วยงานป้องกันไม่มี โอกาสได้ดี
นอกจากนั้นกฎหมายและองค์กรท ำหน้าที่ปราบปรามทุจริตนั้น ควรมีความสามารถแก้ปัญหา และต้องมีเพียงพอนอกจากนั้น ควรคิดนอกกรอบในการทุจริตคอ ร์รัปชั่น โดยองค์กรอิสระที่เกี่ยวข้อ งไม่ควรทำงานเหมือนราชการคว รเพิ่มประสิทธิภาพ และที่สำคัญควรเพิ่มอำนาจปร ะชาสังคมในการตรวจสอบการทุจ ริตมากขึ้นโดยการเข้าถึงข้อ มูลโครงการต่างๆ มากขึ้น และต้องรณรงค์สร้างจิตสำนึก ให้คนในสังคม
ด้าน นายคมสัน โพธิคง ตัวแทนจากกลุ่มสยามประชาภิว ัฒน์ กล่าวว่าการแก้ไขปัญหาทุจริ ตคอร์รัปชั่นนั้น ต้องดูว่าปัญหาทุจริตอยู่ใน ทุกอณูของสังคมไทยซึ่งกลายเ ป็นต้นตอของการสร้างนิสัยให ้คนไทยมองว่าปัญหานี้เล็กน้ อย จนกลายเป็นเรื่องปรกติธรรมด าแต่ปัญหาใหญ่คือโครงสร้างท างการเมือง
เพราะการทุจริตคอร์รัปชั่นม ีรากฐานจากระบบการเมืองเพรา ะการเมืองไทยเป็นแบบรวมศูนย ์อำนาจที่ส่วนกลาง ทำให้เกิดการทุจริตคอร์รัปช ั่นขนาดใหญ่ผูกพันกับการเมื องทุกระดับ รวมทั้งนโยบายทางการเมือง โดยมีการคอร์รัปชั่นโดยระบบ เผด็จการรัฐสภาของนายทุนที่ ต้องมีการตอบแทน
โดยอาศัยหลักการว่าผ่านนิติ บัญญัติต้องเป็นเสียงข้างมา ก และมีการเสนอกฎหมายหรือมีกา รแก้ไขกฎหมายเพื่อให้ประโยช น์สำหรับกลุ่มทุนทางการเมือ ง และการที่ระบบตรวจสอบขาดประ สิทธิภาพในการดำเนินงานการล งโทษมีความล่าช้า ทำให้ไม่เกิดการเกรงกลัว ส่งผลให้ปัญหาทุจริตคอร์รัป ชั่นรุนแรงขึ้นและจะสอดคล้อ งกับนิสัยคนไทยที่มองการทุจ ริตเป็นเรื่องเล็กน้อยทำให้ ความคิดที่จะมองว่าเป็นปัญห าร้ายแรง และต้องเข้าไปแก้ปัญหาจึงไม ่มีในสังคมไทย
นายคมสัน กล่าวอีกว่า การแก้ปัญหาทุจริตคอร์รัปชั ่นต้องอาศัยมาตรการหลัก5 มาตรการ คือ 1.สร้างมาตรการในการลดโอกาส ที่จะทุจริตโดยอาจจะเพิ่มกา รร่ำรวยผิดปรกติในความผิดทา งอาญาด้วยและควรเพิ่มโทษคนท ี่สมคบการทุจริต
ต้องตรา พ.ร.บ.เพื่อลดอำนาจในการยกเ ลิกระเบียบการจัดซื้อจัดจ้า งและรัฐมนตรีต้องห้ามเกี่ยว ข้องกับกระบวนการจัดซื้อจัด จ้าง และเรื่องจริยธรรมควรออกเป็ น พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญ 2.มาตรการเพิ่มประสิทธิภาพก ารปราบปรามโดยปรับโครงสร้าง องค์กรปราบปรามทุจริต ที่ต้องแยกจากภาคบริหารและเ พิ่มอำนาจการสอบสวนขององค์ก รเหล่านี้
และอัยการสูงสุดควรห้ามรับต ำแหน่งกรรมการในหน่วยงานของ รัฐเพราะเป็นต้นเหตุให้องค์ กรปราบปรามการทุจริตทำงานได ้ไม่มีประสิทธิภาพ และควรมีการตั้งองค์กรตรวจส อบงบประมาณเพื่อไม่ให้มีการ ตั้งงบเพื่อการทุจริต3.มาตร การสร้างความเข้มแข็งให้ภาค ประชาชนโดยประชาชนสามารถฟ้อ งคดีเกี่ยวกับการทุจริตได้ ภาคประชาชนมีอำนาจตรวจสอบกา รทุจริตร่วมกับองค์กร4.การบ ริหารภาครัฐโปร่งใสขึ้น โดนต้องรื้อกฎหมายข้อมูลข่า วสารใหม่เปิดโอกาสให้มีการต รวจสอบมากขึ้น และ 5.มาตรการปลูกฝังจิตสำนึกเร ื่องการทุจริตคอร์รัปชั่น
ส่วนนายภิญโญ ทองชัย อดีตเลขาธิการ ป.ป.ท. กล่าวว่า การปราบปรามทุจริตนั้นไม่ต้ องคิดว่าจะเอาคนที่ทำผิดมาล งโทษแต่ให้คิดว่าจะลดช่องทา ง และตัดต้นตอดารทุจริตได้อย่ างไร โดยตนขอเสนอให้มีการกระจายอ ำนาจและงบประมาณไปสู่ท้องถิ ่นซึ่งจะทำให้เงินที่จะทุจร ิตน้อยลง จูงใจกลุ่มทุนทางการเมืองน้ อยลง
นอกจากนั้นควรปรับเปลี่ยนทั ศนคติของคนในสังคมต่อเรื่อง การทุจริตและเพิ่มอำนาจให้ภ าคประชาชนในการตรวจสอบ และที่สำคัญคือการสร้างมาตร การป้องกันที่มีประสิทธิภาพ เช่น การสร้างมาตรการโปร่งใสของเ จ้าหน้าที่รัฐ ห้ามบุคลากรในกระบวนการยุติ ธรรมไปเป็นกรรมการในรัฐวิสา หกิจต่างๆรวมทั้งการจัดตั้ง ศาลพิเศษ ที่ดูแลเรื่องการทุจริตคอร์ รัปชั่นโดยเฉพาะ นอกจากนั้นก็ควรแก้ไขประมวล วิธีพิจารณาความทางอาญาเพื่ อให้การพิจารณาเร็วขึ้น และเพิ่มโทษ คดีไม่มีหมดอายุความ และการพิจารณาคดีในศาลควรมี การพิจารณาต่อเนื่องแม้จำเล ยจะหลบหนีและควรเพิ่มโทษฐาน สมคบคิดด้วย
นายมานะ นิมิตมงคล ผู้อำนวยการองค์กรต่อต้านคอ ร์รัปชั่นประเทศไทยกล่าวว่า วันนี้เราต้องมาคุยกันอีกคร ั้งหนึ่งต้องนำเสนอสิ่งที่เ ราปฏิบัติได้และเกิดขึ้นจริ ง โดยต้องเสนอในสิ่งที่ไม่มาก และต้องรีบทำซึ่งในช่วงนี้ร ะหว่างนักการเมืองที่ยังไม่ เข้าสู่อำนาจเป็นเวลาที่ดี ทั้งนี้จากการศึกษาพบว่ามีห ลายเรื่องแต่เราจะคัดเลือกเ รื่องและมาตรการที่เป็นต้นเ หตุของปัญหาอื่นของสังคมด้ว ยโดยเราจะเสนอเป็นเมนูให้สา มารถเลือกปฏิบัติได้เลย โดยมี 5 แนวทาง 23ข้อปฏิบัติคือ
1.เรียกร้องให้ปฏิบัติตามอน ุสัญญาสหประชาชาติ UNCAC 2003 ซึ่งมีการบังคับให้ประเทศสม าชิกมีมาตรการปราบปรามการทุ จริตคอร์รัปชั่นซึ่งประเทศไ ทยยังไม่ได้ปฏิบัติตามอนุสั ญญานี้ โดยกระทรวงยุติธรรมได้ร่างก ฎหมาย 3ฉบับแต่ไม่ผ่านการพิจารณาข องสภา
2.ให้เอาผิดกับคนผิดสินบนเพ ราะบางเรื่องหากนักธุรกิจไม ่ติดสินบนปัญหาก็ไม่เกิด ดังนั้นต้องลงโทษคนที่ติดสิ นด้วย
3.สร้างการมีส่วนร่วมของภาค ประชาชน โดยเปิดโอกาสให้ประชาชนมีส่ วนร่วมเป็นผู้สังเกตการณ์ใน การจัดซื้อจัดจ้างโครงการขน าดใหญ่ของภาครัฐกำหนดให้คดี คอร์รัปชั่นเป็นคดีที่ประชา ชนสามารถเป็นโจทก์ยื่นฟ้องค ดีได้
4.ผลักดันมาตรการเรื่องความ โปร่งใสโดยปรับปรุง พ.ร.บ.ข้อมูลข่าวสารของราชก าร พ.ศ.2540 สร้างความโปร่งใสทางงบประมา ณโดยเผยแพร่ข้อมูลเกี่ยวกับ งบประมาณ และ
5.รณรงค์คุณธรรม จริยธรรม และการต่อต้านคอร์รัปชั่นคร ั้งใหญ่โดยรัฐต้องเป็นผู้สร ้างวัฒนะธรรมต่อต้านคอร์รัป ชั่น ระบบการบริหารงานบุคคลในหน่ วยงานรัฐต้องยึดหลักคุณธรรม
“ มาตรการเหล่านี้เป็นมาตรการ หลักสากลที่ทั่วโลกพิสูจน์ม าแล้วว่าสามารถปราบปรามการท ุจริตคอร์รัปชั่นได้ดังนั้น ประเทศไทยก็ต้องทำได้ ไม่มีคำว่ายากเกินไป นักการเมืองหรือข้าราชการต้ องไม่พูดว่าทำไม่ได้ ”นายมานะ กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าหลังจา กนักวิชาการได้นำเสนอกรอบแน วคิดแล้วได้มีการเปิดเวทีซั กถาม และระดมความคิดโดยประชาชนที ่เข้าร่วมการเสวนาหลังจากนั ้นจึงมีการปิดกิจกรรมในช่วง เช้าไปในเวลา 12.45 น.ก่อนจะเปิดเวทีอภิปรายกรอ บแนวคิด“ปฏิรูประบบตรวจสอบ ปลูกสำนึกคนไทยขจัดภัยคอร์ร ัปชัน” ในเวลา13.30 น. เพื่อหาข้อสรุปที่จะไปปรับเ ป็นข้อเสนอในการปฏิรูปต่อไป .
เดลินิวส์ออนไลน์
“นักวิชาการ”เห็นพ้อง ปฏิรูประบบตรวจสอบ- ให้อำนาจภาคปชช. แก้ปัญหาทุจริต
...
เมื่อวันที่ 12มี.ค. ที่อาคารศูนย์เยาวชนสวนลุมพ
กระทั่งเวลา 10.00 น. นายสุเทพเทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส. การเปิดการเสวนาว่า การปฏิรูปประเทศในการปราบปร
ดังนั้นจึงจำเป็นต้องหาทางแ
หลังจากนั้น นายเจิมศักดิ์ ปิ่นทอง อดีตสมาชิกวุฒิสภา กล่าวตอนหนึ่งว่า ที่ผ่านมาการทุจริตเกิดจากก
โดยมี 3 ตัวละคร คือ นักการเมือง ข้าราชการและพ่อค้านักธุรกิ
“ ประชาชนจำเป็นต้องมีองค์ควา
ส่วน นายรัตพงษ์ สอนสุภาพ รองคณะบดีวิทยาลัยนวัตกรรมส
นอกจากนั้นกฎหมายและองค์กรท
ด้าน นายคมสัน โพธิคง ตัวแทนจากกลุ่มสยามประชาภิว
เพราะการทุจริตคอร์รัปชั่นม
โดยอาศัยหลักการว่าผ่านนิติ
นายคมสัน กล่าวอีกว่า การแก้ปัญหาทุจริตคอร์รัปชั
ต้องตรา พ.ร.บ.เพื่อลดอำนาจในการยกเ
และอัยการสูงสุดควรห้ามรับต
ส่วนนายภิญโญ ทองชัย อดีตเลขาธิการ ป.ป.ท. กล่าวว่า การปราบปรามทุจริตนั้นไม่ต้
นอกจากนั้นควรปรับเปลี่ยนทั
นายมานะ นิมิตมงคล ผู้อำนวยการองค์กรต่อต้านคอ
1.เรียกร้องให้ปฏิบัติตามอน
2.ให้เอาผิดกับคนผิดสินบนเพ
3.สร้างการมีส่วนร่วมของภาค
4.ผลักดันมาตรการเรื่องความ
5.รณรงค์คุณธรรม จริยธรรม และการต่อต้านคอร์รัปชั่นคร
“ มาตรการเหล่านี้เป็นมาตรการ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าหลังจา
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น