Kings of Thailand

Thaksin, Yingluck and their partners in crimes and corruption cannot get away with murders





       แกนนำ-มวลชนจำนวนมากร่วมไว้อาลัย สุทิน แน่นวัดโสมนัสฯ


แกนนำ-มวลชนจำนวนมากร่วมไว้อาลัย สุทิน แน่นวัดโสมนัสฯ


       Dead bodies of anti-government protesters are piling up, with scores of casualties as days passed. More blood on Yingluck's hands as she clings on to her caretaker Prime Minister status without shame and conscience. Her illegitimate administration is getting more murderous.
     
       Since the violence at Ramkamhaeng University there have been 10 deaths and 570 casualties from attacks and ambushes by forces supporting her lame-duck government now facing a groundswell of public outrage for massive corruption and abuse of power.
     
       It is regrettable that the US Department State has been expressing concern time and again, mainly focusing on its plea for a free and fair election and calling for all sides to restrain from violence without specifically pointing out that so far anti-government protesters have been victims to fatal armed attacks by forces, legal or otherwise, supporting the Yingluck government.
     
       Thaksin Shinawatra, now in exile abroad, has been labeled as ruthless, vindictive and heartless, among other appalling acts of misdeeds, Yingluck shows that she is mindless and cruel with total indifference towards more deaths and disaster to the country almost on the verge of being a failed state.
     
       Sunday afternoon saw another cold-blooded murder of a well-known, peace-loving anti-government protester in broad day light. Suthin Tharatin fell in a hail of bullets from a long burst of gunfire from the murderous hand of a killer who supports the Yingluck sinister regime.
     
       Nine other people were more fortunate when they suffered just serious gunshot wounds. They will survive and hope to see the eventual departure from this land of Yingluck, her Shinawatra clan members and their cronies and partners in crimes after real justice is done.
     
       The pre-election day turned tragic for peace-loving people. When Suthin fell victim to the greed for power of Yingluck and her fugitive criminal brother Thaksin, he was witnessed by several policemen who stood idly and refused to prevent the violence. The gunmen remain at large while the national police chief perfunctorily issued an order for a complete investigation.
     
       Finally, a unit from the Royal Thai Navy came to rescue other protesters surrounded by red-shirts thugs and gunmen inside a temple near the murder scene close to Bang Na-Trad highway. The police were not of any help right from the start.
     
       The blatant killing proved again that the police force has become co-conspirator and accomplice in criminal activities committed by the Yingluck tyrannical and murderous regime. Worst, it happened during the state of emergency declared by the desperate puppet Cabinet of Thaksin, against clear reality that all violent acts and murders had been committed by thugs and hired gunmen on the payroll of the Yingluck government. They have used a wide range of war weapons such as hand grenades, RPG rocket launchers and powerful rifles.
     
        It will be a surprise if the police can arrest the murderer. Talks around town and known among insiders are that killers have been brought in from Cambodia, and snipers from police death squads have been deployed and assigned to kill protest leaders and key supporters whose prices on their heads vary in accordance with their role and significance.
     
        How can the police force and the armed forces stand idly and allow killers, including foreign gunmen, to take the lives of Thai people who are against the most corrupted and evil administration ever existed in this land?
     
        Were the many murders actually designed to provoke the protesters with ahimsa to turn violent and retaliate with weapons, leading to a civil war, so that the sinister Yingluck government can respond with more brutal crackdowns and massacre to survive the growing adversity?
     
        The world must know more about the malicious intent of the Yingluck administration which struggles to preserve power at all costs though that can take more lives of Thai people and economic ruins.
     
        Thai patriots cannot allow the killing spree to continue unpunished. Yingluck and her partners in crimes, and other misdeeds must be held accountable and brought to justice if they cannot flee the country after they lose the ruling power.
     
         Many government offices and civil servants have stood by the anti-government protests. The military still vacillates. The police protect the outlawed and evil regime. The people remain undaunted. They are willing to sacrifice everything, including more lives, to get rid of the Thaksin-Yingluck regime so hated by all sensible Thais and foreigners.
     
         The tyrants, their cutthroats and cronies must not get away with murders and other crimes, we reckon.
คลิกที่ภาพเพื่อดูขนาดใหญ่ขึ้น
ขี้ข้าอาสาฆ่า “สุทิน” เปิดปูม “สารวัตรต้น” รับใช้ใกล้ชิด “ทักษิณ”
พ.ต.ท.กุลธน ประจวบเหมาะ ผู้สมัคร ส.ส.กทม.เขตบางนา พรรคเพื่อไทย (แฟ้มภาพ)

ขี้ข้าอาสาฆ่า “สุทิน” เปิดปูม “สารวัตรต้น” รับใช้ใกล้ชิด “ทักษิณ”
(แฟ้มภาพ)สุทิน ธราทิน แกนนำกลุ่มกองทัพประชาชนโค่นระบอบทักษิณ หรือ กปท.

ขี้ข้าอาสาฆ่า “สุทิน” เปิดปูม “สารวัตรต้น” รับใช้ใกล้ชิด “ทักษิณ”
(แฟ้มภาพ) นช.ทักษิณ ชินวัตร นักโทษหลบหนีอาญาแผ่นดิน

สน.พระอาทิตย์
      
        เรื่องราวในอดีตพร้อมกับปรากฏตัวของ พ.ต.ท.กุลธน ในวันนี้ ทำให้ชื่อของเขาถูกนำไปเชื่อมโยงกับการลอบสังหารนายสุทินอย่างไม่ต้องสงสัย แม้เจ้าตัวจะยืนยันพร้อมพิสูจน์ความบริสุทธิ์ก็ตาม ด้าน กลุ่ม กปปส.จึงปักใจเชื่อ 100% ว่า กระแสข่าวว่าคนแดนไกลมีคำสั่งให้คนที่อยู่ทางนี้เริ่มดำเนินการสังหารแกนนำทีละราย โดย นายสุทิน คือเหยื่อรายแรกนั่นเอง
      
       การเลือกตั้งล่วงหน้าเมื่อวันที่ 26 ม.ค.ที่ผ่านมา ได้แสดงให้รัฐบาลของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร และระบอบทักษิณ รู้แล้วว่า หากยังดึงดันต่อไป เหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นในวันที่ 2 ก.พ.ซึ่งเป็นวันเลือกตั้งใหญ่พร้อมกันทั่วประเทศจะเป็นอย่างไร
      
       ผลลัพธ์ที่ออกมาทำให้พื้นที่กรุงเทพฯทั้ง 33 เขตเลือกตั้ง และภาคใต้ 56 เขตเลือกตั้ง ต้องเลื่อนออกไปทั้งหมดนั้น น่าจะถือเป็นชัยชนะของ คณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข หรือ กปปส.และแนวร่วมทุกกลุ่ม
      
       ที่สามารถยับยั้งความฝันของตระกูลชินวัตรได้สำเร็จในขั้นแรก ท่ามกลางความวิตกกังวลของหลายฝ่ายว่าจะเกิดเหตุนองเลือดซ้ำรอยอดีต
      
       สถานการณ์ที่เกิดขึ้นในช่วงเช้า ถึงบ่าย ดูเหมือนว่า จะผ่านพ้นไปได้ด้วยดี แต่แล้วเมื่อก่อนเวลาปิดหีบเลือกตั้งเพียงแค่ 1 ชั่วโมง สิ่งที่คนไทยกลัวก็เกิดขึ้นจนได้
      
       เมื่อเกิดการลอบยิง นายสุทิน ธราทิน แกนนำกลุ่มกองทัพประชาชนโค่นระบอบทักษิณ หรือ กปท.จนเสียชีวิต
      
       โดยนายสุทินได้นำมวลชนเดินทางไปปิดล้อมบริเวณวัดศรีเอี่ยม หน่วยเลือกตั้งล่วงหน้าในเขตบางนา ระหว่างที่เคลื่อนขบวนออกจากวัดศรีเอี่ยม มุ่งหน้าไปทางถนนศรีนครินทร์ แกนนำอย่างนายสุทิน ที่ยังไม่รู้โชคชะตาของตัวเองได้ปราศรัยอยู่บนรถบรรทุก 6 ล้อ ติดเครื่องขยายเสียง
      
       ระหว่างนั้นได้พบกลุ่มคนเสื้อแดงจำนวนมาก เคลื่อนขบวนมาจากถนนศรีนครินทร์ ลงสะพานข้ามแยก มาปิดบริเวณหัวมุมถนนทางเข้าซอยวัดศรีเอี่ยม
      
       ก่อนที่ชายฉกรรจ์กลุ่มนั้น ซึ่งมีเหล็กแป๊บ ไม้หน้าสามเป็นอาวุธ จะตรงเข้ามาทำร้ายมวลชน และยังมีเสียงคล้ายระเบิดดังขึ้น 1 ครั้ง บวกกับเสียงปืนดังขึ้นอีกหลายนัด จนกระทั่งเสียงปืนสงบลง จึงพบว่า นายสุทิน ถูกยิงด้วยอาวุธปืนเข้าที่ศีรษะ 1 นัด หน้าอกขวา 1 นัด และคอ 1 นัด จึงรีบนำตัวส่ง รพ.วิภาราม
      
        แต่ก็ไม่สามารถยื้อชีวิตเอาไว้ได้ รวมไปถึงยังมีผู้ได้รับบาดเจ็บอีกจำนวนมาก
      
       ความชุลมุนวุ่นวายกินเวลานานกว่า 1 ชั่วโมง จึงจะสงบลง ภาพของเหตุการณ์ที่ปรากฏราวกลับฉากแอ็กชันดุเดือดที่เกิดขึ้นในตอนหนึ่งของภาพยนตร์ ทั้งๆ ที่พื้นที่เกิดเหตุนั้นอยู่กลางถนนที่การจราจรติดขัดอย่างหนัก ซึ่งการก่อเหตุกราดยิงแบบอุกอาจครั้งนี้ ไม่น่าจะเกิดขึ้นในประเทศไทยของเราด้วยซ้ำ
      
       การใช้ความรุนแรงครั้งนี้ไม่เหมือนกับครั้งก่อนๆ ที่เป้าหมายดูเหมือนเพียงแค่ต้องการสร้างความหวาดกลัวให้กับกลุ่มผู้ชุมนุมเท่านั้น ไม่ว่าจะเป็นเหตุยิงรายวันบริเวณสะพานฆัมวาน หรือเหตุปาระเบิดในพื้นที่บรรทัดทอง และ อนุสาวรีย์ชัยฯ
      
       การลั่นไกครั้งนี้น่าจะมีเป้าหมายไปที่แกนนำบนรถกระจายเสียงของ กปท.อย่างชัดเจน จนก่อให้เกิดความสูญเสียดังกล่าว
      
       ภายหลังที่เหตุการณ์สงบลงได้มีคนตาไวเห็น พ.ต.ท.กุลธน ประจวบเหมาะ หรือ “สารวัตรต้น” ผู้สมัคร ส.ส.กทม.เขตบางนา พรรคเพื่อไทย ปรากฏตัวในจุดเกิดเหตุ ทำให้เกิดกระแสข่าวตามมาว่า พ.ต.ท.กุลธน ผู้นี้เป็นคนอยู่เบื้องหลังการนำคนเสื้อแดงไปปะทะจนเกิดเหตุรุนแรงดังกล่าว
      
       ข้อสงสัยที่เกิดขึ้น ทำให้ พ.ต.ท.กุลธน ต้องรีบออกมาแจงความบริสุทธิ์ของตัวเอง ว่าไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแน่นอน แต่เมื่อทราบข่าวก็แค่ออกไปดูสถานที่เกิดเหตุเท่านั้น เพราะถ้าเป็นผู้อยู่เบื้องหลังเรื่องดังกล่าวจริง คงไม่ออกมาเปิดเผยตัว
      
       ถ้อยคำกล่าวอ้างของ พ.ต.ท.กุลธน ดูเหมือนว่ายังไม่สามารถทำให้ตัวเองหลุดพ้นข้อกล่าวหาได้ เพราะประชาชนในจุดเกิดเหตุยังยืนยันว่า พ.ต.ท.กุลธน คนนี้เป็นผู้นำมวลชนเสื้อแดงกว่า 100 คน บุกมาหน้าวัดศรีเอี่ยมแน่นอน ถ้าจะผิดตัว พ.ต.ท.กุลธน ก็คงมีฝาแฝด
      
       ส่วนตัวแล้ว พ.ต.ท.กุลธน ทำตัวเป็นผู้กว้างขวางในพื้นที่เขตบางนาคนหนึ่ง ไม่เช่นนั้นพรรคการเมืองโจรอย่างเพื่อไทย คงไม่ให้โอกาส พ.ต.ท.กุลธน ได้ลงชิงตำแหน่งในครั้งนี้อย่างแน่นอน
      
       และหากจะย้อนไปถึงช่วงเดือนธันวาคมของปี 55 แล้ว เหตุการณ์ที่ทำให้การเมืองไทยร้อนระอุในช่วงสั้นๆ ก็คือ การปรากฏตัวของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี มาออกทีวีของรัฐช่อง 11 ในการจัดแข่งขันมวยไทยวอริเออร์ส ปีที่ 2 เทิดไท้องค์ราชันเพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสปีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 85 พรรษา โดยอ้างว่าเป็นการถวายพระพร
      
       แต่สถานะของ พ.ต.ท.ทักษิณ คือ นักโทษหนีศาล หลายๆ คนจึงถามหาความถูกต้องต่อการปรากฎตัวครั้งนี้ และ พ.ต.ท.กุลธน ผู้นี้อีกเช่นกัน ที่ในขณะนั้นคือ เลขาธิการคณะกรรมการจัดการแข่งขันดังกล่าว
      
       ก่อนหน้านั้น พ.ต.ท.กุลธน เคยได้รับเลือกเป็นหนึ่งในผู้สมัคร ส.ส.กทม.ของพรรคไทยรักไทย แต่ก่อนลงสมัครเพียงไม่กี่วัน สุวัจน์ ลิปตพัลลภ ทุ่มเงินซื้อตัวไปอยู่พรรคชาติพัฒนา เมื่อ พ.ต.ท.กุลธน ไม่ได้อยู่ไทยรักไทยก็กลายเป็น ส.ส.สอบตก ชีวิตทางการเมืองสะดุดไม่เคยได้ใส่สูทแอคอาร์ตเข้าสภา จนต้องกลับมาสานฝันกับทักษิณอีกครั้ง หวังจะได้เป็น ส.ส.ให้สมใจอยากสักครั้งในคราวนี้ จึงอาสาทำงานให้เข้าตานายใหญ่ทักษิณ
      
       แสดงให้เห็นว่า พ.ต.ท.กุลธน มีสายสัมพันธ์ที่สนิทสนมกับ พ.ต.ท.ทักษิณ แน่นอน
       เรื่องราวในอดีตพร้อมกับปรากฏตัวของ พ.ต.ท.กุลธน ในวันนี้ ทำให้ชื่อของเขาถูกนำไปเชื่อมโยงกับการลอบสังหารนายสุทินอย่างไม่ต้องสงสัย แม้เจ้าตัวจะยืนยันพร้อมพิสูจน์ความบริสุทธิ์ก็ตาม
      
       ด้าน กลุ่ม กปปส.จึงปักใจเชื่อ 100% ว่า กระแสข่าวว่าคนแดนไกลมีคำสั่งให้คนที่อยู่ทางนี้เริ่มดำเนินการสังหารแกนนำทีละราย โดย นายสุทิน คือเหยื่อรายแรกนั่นเอง
      
       สุดท้ายไม่ว่าใครจะเป็นผู้ลั่นกระสุน 2 นัดปลิดชีพของนายสุทิน จนกลายเป็นเหยื่อทางการเมืองคนล่าสุด และแม้ว่ามวลมหาประชาชนจะมีพิธีอาลัยต่อวีรชนผู้เสียสละชีวิตพิทักษ์ชาติ เพื่อเป็นการระลึกถึงคุณงามความดี หรือด้วยเหตุผลอะไรก็แล้วแต่ ชื่อของนายสุทินจะถูกหยิบยกขึ้นมาอยู่ในวงสนทนาและถูกใช้เป็นเครื่องมือในการร้องหาความรับผิดชอบของผู้ถืออำนาจรัฐสักระยะหนึ่ง จากนั้นก็จะเลือนหายไปในความทรงจำ เหมือนวีรชนคนอื่นๆ เฉกเช่นทุกครั้งที่เกิดความรุนแรง
      
       โดยบุคคลผู้สังหารจะหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย และใช้ชื่อนาย“มือที่สาม”เป็นแพะรับบาปอย่างง่ายดาย
       ชื่อของนายสุทิน อาจจะไม่ได้ดูโดดเด่น เมื่อนำไปเปรียบเทียบกับ นายนิติธร ล้ำเหลือ หรือนายอุทัย ยอดมณี แต่ถ้าย้อนกลับไปดูภูมิหลังของเขาแล้ว คงไม่แปลกใจที่เขาตกเป็นเป้าสังหารในวันนี้ ในอดีตนายสุทินเคยเป็นเอ็นจีโอที่ทำงานในองค์กรสถาบันชุมชนท้องถิ่นพัฒนา (LDI) ซึ่งมีความใกล้ชิดสนิทสนมกับนายสมศักดิ์ โกศัยสุข อดีตเลขาธิการสหพันธ์แรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ (สรส.) และหัวหน้าพรรคการเมืองใหม่
      
       โดยนายสุทินเป็นทั้งผู้ร่วมก่อตั้งพรรค และยังดำรงตำแหน่งรองผู้อำนวยการพรรค เคยเคลื่อนไหวเป็นผู้ปฏิบัติงานในช่วงการชุมนุมขององค์การพิทักษ์สยาม (อพส.) ร่วมกับนายทศพล แก้วทิมา แกนนำ อพส.อีกคนหนึ่ง
      
       จนกระทั่งเมื่อวันที่ 18 มิ.ย. 2556 นายสุทินได้ร่วมแถลงข่าวก่อตั้ง กปท.ก่อนที่อดีตนายทหารจะร่วมเปิดตัวอย่างเป็นทางการ ที่ราชตฤณมัยสมาคม และนัดชุมนุมใหญ่ที่สวนลุมพินีอยู่ระยะหนึ่ง และนายสุทินก็ยังเป็นหัวหน้าหน่วยรักษาความปลอดภัยให้กับ กปท.เมื่อเข้าร่วมกับ กปปส.ในปัจจุบันด้วย ทำให้เห็นว่า นายสุทิน คนนี้ คือบุคคลที่มีตั้งตัวเป็นปรปักษ์กับครอบครัวชินวัตรมายาวนาน
      
       การเสียชีวิตของนายสุทินในเหตุการณ์ครั้งนี้ อาจจะเป็นการนับหนึ่งของความรุนแรงที่จะเกิดขึ้นในแผ่นดินไทยอีกครั้ง เหตุการณ์ในอดีตที่มีเลือดของคนไทยด้วยกันไหลนองทั่วแผ่นดินเกิดเหมือนเช่นปี 2553 อาจจะกลับมาสร้างความสูญเสียอีกครั้ง โดยที่ประชาชนผู้บริสุทธิ์กำลังจะตกเป็นเหยื่อของการแย่งชิงอำนาจภายในประเทศคนแล้วคนเล่า
      
       โดยที่ไม่มีใครพยายามที่จะหยุดยั้งมันสักคนเดียว



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

Pong 11 (20x24)

Pong 11 (20x24)
Original handpainted oil painting on canvas

Wanna Yookong 111 (97x197cm)

Wanna Yookong 111 (97x197cm)
Original handpainted oil painting, Realistic Style

Kitja Noree 102 (24x36)

Kitja Noree 102 (24x36)
Original handpainted oil painting, Impressionist Style, Floating Market

Thawan Pramarn

Thawan Pramarn
ORIGINAL HANDPAINTED OIL PAINTING BY TAWAN PRAMAN, SIZE 70 x 90 cm

Chalor Ditpinyo

Chalor Ditpinyo
ORIGINAL HANDPAINTED OIL PAINTING BY CHALOR DITPINYO, SIZE 90 x 120 cm.

Thongchai Arunsaengsilp

Thongchai Arunsaengsilp
ORIGINAL HANDPAINTED OIL PAINTING BY THONGCHAI ARUNSAENGSILP

Boonchai Methangkul

Boonchai Methangkul
ORIGINAL HANDPAINTED OIL PAINTING BY BOONCHAI METHANGKUL, SIZE 1 x 126 cm

Chavana Boonchoo

Chavana Boonchoo
ORIGINAL HANDPAINTED OIL PAINTING BY CHAVANA BOONCHOO, SIZE 18 x 24"

Patamares Livisit

Patamares Livisit
ORIGINAL HANDPAINTED IMPRESSIONIST OIL PAINTING BY PATAMARES LIVISIT, SIZE 24 x 36"

Bangkok Art Center by HAS