"วอลสรีทเจอร์นัล ตีข่าวสัปดาห์เพียงเดียวธุรกิจ "ตระกูลชินวัตร" สูญ 6.5 หมื่นล้าน หลังโดนบอยคอต?? .. และทำให้ กองทุน เทมาเส็ค (สิงคโปร์) ตัดสินใจที่จะเสนอขายหุ้นของ บมจ. ชินคอร์ป ที่ เทมาเส็ค ถืออยู่ ........."
วอลล์สตรีท เจอนัลด์ - หนังสือพิมพ์ธุรกิจดังระดับโลกตีข่าว เหล่าบริษัทในไทยที่ตกเป็นเป้าหมายคว่ำบาตรของกลุ่มผู้ประท้วงฝ่ายต่อต้านรัฐบาล ฐานมีความเกี่ยวข้องกับนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและครอบครัว ได้สูญเสียมูลค่าทางการตลาดไปแล้วกว่า 2,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ(ราว 65,000ล้านบาท) ภายในเวลาเพียงแค่สัปดาห์เดียว
วอลล์สตรีท เจอนัลด์ รายงานว่าเสียงเรียกร้องคว่ำบาตรธุรกิจตระกูลชินวัตรของแกนนำผู้ชุมนุม เพื่อเพิ่มแรงกดดันแก่รัฐบาล ฉุดให้หุ้นของหลายบริษัทที่เกี่ยวข้องดำดิ่ง ไม่เว้นแม้กระทั่งเอไอเอส ผู้ให้บริการด้านโทรคมนาคมรายใหญ่ที่สุดของไทย แม้ว่าบริษัทแห่งนี้ยืนยันว่าไม่มีความเกี่ยวข้องกับตระกูลชินวัตรมาตั้งแต่ปี 2006
หนังสือพิมพ์การเงินทรงอิทธิพลของสหรัฐฯรายงานต่อไปว่าหุ้นของเอสซี แอสเซต บริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ที่ครั้งหนึ่งนางสาวยิ่งลักษณ์ เคยนั่งเก้าอี้ประธานและเวลานี้ตระกูลชินวัตรยังถือครองหุ้นใหญ่อยู่ ได้ร่วงลงมากกว่าร้อยละ 9 ในตลาดหลักทรัพย์ของไทย นับตั้งแต่การรณรงค์คว่ำบาตรเริ่มต้นขึ้นเมื่อวันพุธที่แล้ว(19)
ส่วนเอ็ม-ลิงค์ เอเชีย คอร์ปอเรชั่น บริษัทนำเข้าและจำหน่ายอุปกรณ์สื่อสารและโทรศัพท์เคลื่อนที่ ซึ่งมีความเชื่อมโยงกับนางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ น้องสาวคนรองของทักษิณ และภรรยานายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ซึ่งเคยดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ช่วงสั้นๆ ในปี 2008 ก็ร่วงลงเกือบร้อยละ 11 ภายในเวลาเพียงแค่สัปดาห์เดียว น
วอลล์สตรีท เจอนัลด์ อ้างความเห็นของนาย อิฐพงศ์ แสงทับทิม หัวหน้าฝ่ายวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ เคจีไอ ระบุว่า "แรงเทขายมาจากนัลงทุนรายย่อยท้องถิ่น ด้วยความรู้สึกที่ว่าผู้ประท้วงอาจส่งผลกระทบบางอย่างต่อผลประกอบการในอนาคต" พร้อมบอกว่าผู้ประท้วงหลายรายเป็นชนชั้นกลาง ซึ่งเป็นกลุ่มคนที่ลงทุนในตลาดหลักทรัพย์
อย่างไรก็ตาม วอลล์สตรีท เจอนัลด์ รายงานว่าไม่เพียงแค่ฝ่ายต่อต้านรัฐบาลเท่านั้น แต่อีกฝ่ายที่เห็นต่างทางการเมืองก็งัดมาตรการคว่ำบาตรสินค้าออกมาต่อสู้เช่นกัน โดยประชาชนทางภาคเหนือ พื้นที่ชนบทที่ได้รับประโยชน์จากนโยบายประชานิยมของนางสาวยิ่งลักษณ์และ"พี่ชาย" นายทักษิณ ก็เริ่มคว่ำบาตรเบียร์สิงห์ หลังทายาทของบุญรอดบริวเวอรี ขึ้นเวทีชุมนุมของฝ่ายต่อต้านรัฐบาล แต่ทางบริษัทยังไม่ออกมาแสดงความคิดเห็นต่อเรื่องดังกล่าว
สื่อมวลชนดังรายงานต่อว่าหนึ่งในบริษัทของไทย ที่ได้รับผลกระทบจากมาตรการคว่ำบาตรของผู้ชุมนุมฝ่ายต่อต้านรัฐบาลได้แก่เอไอเอส ซึ่งก่อตั้งโดยทักษิณ และต่อมาถูกขายให้แก่เทมาเส็ก โฮลดิ้ง กองทุนเพื่อการลงทุนของรัฐบาลสิงคโปร์ ก่อนที่เขาจะถูกรัฐประหารโค่นอำนาจในปี 2006 และเวลานี้พำนักอยู่ในดูไบ หลบหนีโทษจำคุกในฐานความผิดคอรัปชัน โดยนับตั้งแต่มาตรการคว่ำบาตรเริ่มต้นขึ้น หุ้นของเอไอเอส ร่วงลงไปแล้วร้อยละ 5.5
รายงานของวอลล์สตรีท เจอนัลด์ ระบุว่าทางทรู คอร์ปและโทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น(ดีแทค) อาศัยโอกาสนี้ยื่นข้อเสนอลดราคาแก่ผู้ใช้ที่คิดย้ายค่าย ขณะที่ผู้ควบคุมกฎระเบียบด้านโทรคมนาคมของไทยเผยว่ามีผู้บริโภคหลายพันรายแล้วที่ย้ายหนีเอไอเอส ในนั้นรวมถึง 2,000 รายในวันจันทร์(24) เพียงแค่วันเดียวหรือเกือบ 3 เท่าของอัตราปกติ
หนังสือพิมพ์ฉบับนี้ได้อ้างคำสัมภาษณ์ของผู้บริโภครายหนึ่งบอกว่าที่เปลี่ยนตัดสินใจเปลี่ยนการใช้บริการของเอไอเอสไปที่อื่น แม้เป็นลูกค้ามานานเกือบ 10 ปี ก็เพราะอยากแสดงจุดยืนต่อต้านทักษิณ "ผมคิดว่ามันยุติธรรมแล้ว ที่เราจะไม่สนับสนุนธุรกิจของเขา"
วอลล์สตรีท เจอนัลด์ รายงานปิดท้ายว่าเหล่าบริษัทที่มีความเชื่อมโยงกับทักษิณ เคยตกเป็นเป้าหมายโจมตีมาก่อนหน้านี้ เมื่อครั้งที่เขาขายหุ้นในชินคอร์ป บริษัทแม่ของเอไอเอส แก่เทมาเส็ก ในปี 2009 จำนวน 76,000 ล้านบาท โดยในปีที่ ทักษิณ ถูกโค่นอำนาจ หุ้นของชินคอร์ป ร่วงลงถึงร้อยละ 38 และเอไอเอส ดิ่งลงร้อยละ 28 แต่ปัจจุบันหุ้นทั้งสองตัวก็กู้คืนมูลค่าที่สุญเสียไปได้หมดแล้ว
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น