Kings of Thailand

17 มี.ค.ทางออกของชาติไทยกระมัง




๑๗ มีนาคม ทางออกชาติไทย..กระมัง

มีคนอยากให้ขวางเลือกตั้ง สว. เหมือนกับทำกับการเลือกตั้ง สส. บอกสาธารณชนว่าจะปฏิรูปก่อน นั่นแสดงชัดว่าเขาเข้าใจการเมืองในเชิงรัฐศาสตร์และนิติศาสตร์ ที่ยึดประวัติศาสตร์การเมือง หลักกฎหมาย แสดงให้เห็นว่าเขาไม่เข้าใจการเมืองในเชิงยุทธศาสตร์การเมือง อยากคิดอยากทำเพียงสิ่งที่ตาเห็น อันเป็นการขัดหลักยุทธศาสตร์การเมือง การปกครอง ผลของมันคือการถูกประณามและแรงตอบโต้ที่รุนแรง...ทั้งในและนอกประเทศ

การเมืองมิใช่สิ่งที่มองเห็น เพราะสิ่งที่เห็นมันไม่ใช่ กำนันสุเทพเดินการเมืองมาถึงวันนี้ ชนะมาทุกวัน คนออกมาชุมนุมเป็นล้านๆมันไม่ใช่เรื่องบังเอิญ ท่านเดินยุทธศาสตร์การเมืองแบบเลือกทางยากที่สุด เนียนที่สุด ยึดชาติเป็นสำคัญ มีการเตรียมการล่วงหน้ามาหลายปี ตกผลึกทั้งยุทธศาสตร์ ยุทธการ ยุทธวิธี มิใช่คิดไปรบไป คนที่เคยอยู่ในเกม(game)บางคน อยากจะเสนอแนวคิดของตนเองเป็นเรื่องที่ดี แต่การมองการเมืองไม่ลึกซึ้ง จะทำให้ชาติได้รับความเสียหาย จนกลายเป็นร่วมทรราชย์อย่างไม่รู้ตัว

ตอนผมเรียนยุทธศาสตร์การเมือง การปกครอง ผู้นำ ใหม่ๆ เมื่อเกือบสิบปีที่ผ่านมา จนตอนนี้มาถึง ป.เอก เพื่อนผมคนหนึ่งเคยถามว่า จะเรียนไปทำไม เขาไม่เรียนกัน ไม่รู้เอามาใช้ทำอะไร ทำให้ตอนนี้มีคนที่สนใจเรียนในประเทศนี้อย่างจริงจัง เท่าที่ผมทราบ มีเพียง ๔ คน ที่สนใจเรียนจนครบ ที่เหลือจะศึกษาตำราจากนวนิยายจีน ๓ ก๊ก ในอดีตเมื่อ ๔,๕๐๐ ปีก่อน แต่ยุทธศาสตร์การเมืองไทย ได้พัฒนาไปมากเท่าทันกับอารยประเทศ ลึกซึ้ง สลับซับซ้อน สร้างทฤษฎีใหม่ๆ ล่าสุดคือ ทฤษฎีปฏิรูปประเทศ ที่ยึดหลัก อดีต ปัจจุบัน อนาคต เท่าทันมหาอำนาจ มิฉะนั้นประเทศไทย คงมิอยู่ยั่งยืนยงมาจนถึงวันนี้

ท่านสุพัฒโณ อาจารย์วัดป่าติ้ว จ.ยโสธรอาจารย์ที่บวชให้ผม ทำให้ผมมีโอกาสได้เข้าศึกษาธรรมของสันติอโศก ที่ยึดหลักธรรมของพระพุทธเจ้าอย่างเคร่งครัด พบพ่อท่านโพธิรักษ์ ท่านถามผมเมื่อสองปีก่อนว่าบ้านเมืองทำไมอยู่ในสภาพเช่นนี้ ผมเรียนท่านว่า บ้านเมืองอยู่ในสภาพเช่นนี้ เพราะคนฝ่ายเราไม่เข้าใจยุทธศาสตร์การเมือง มองในสิ่งที่เห็น ผมเองก็ไม่มียศ ไม่มีตำแหน่ง ไม่มีเงิน ถ้ามีบ้านเมืองคงไม่เป็นเช่นนี้ บ้านเมืองจะดีขึ้นถ้าทุกจนต้องเข้าให้ถึงสัจธรรม เมื่อนั้นทุกอย่างจะเริ่มดีขึ้นตามลำดับ

ท่านไกรสร ตันติพงศ์ ปรมาจารย์การเมือง ท่านสอนผมเสมอว่า มนุษย์เราเกิดมาต้องคำนึงถึงชาติเป็นสำคัญ หากเราทำงานอะไรคิดถึงสิ่งเหล่านี้ไว้ เราจะมั่นคงแม่นยำในยุทธศาสตร์ ไม่วอกแวก แต่หากเราเดินทุกอย่างไปตามสิ่งที่เห็น ก็จะวอกแวกไม่แม่นยำ พาลนำพาชาติล่มจมไปด้วย ท่านบอกว่าท่านนอนตายตาหลับที่เห็นผมทำงานแม่นยำ ยึดชาติ เป็นสำคัญ

ผมก็อยากให้ผู้นำทางความคิด ผู้ปราศรัย นักวิจารณ์ นักวิชาการ ควรยึดชาติเป็นสำคัญเช่นกัน อย่าหลงในสิ่งที่ล่อ ผ่านมาให้เราเห็น อาจถูกเรียกว่ากระแส อย่าไปวอกแวกตามมัน ยึดหลักชาติเข้าไว้ อย่าทำตัวเป็นสุนัขเห็นลูกบอลที่เขาโยนมา วิ่งตามไปคาบ จนหลงลืมในการรักษาบ้านของตัวเอง ทำเช่นนี้ชาติจะเสียหายได้

การปลดผบ.หน่วยซิล บางคนไม่เข้าใจการเมืองก็ไปตำหนิผู้บัญชาการทหารเรือ แต่แท้ที่จริงแล้วนี้คือ " การเมืองแทรกแซงการทหาร "อย่างชัดเจน อันเป็นสิ่งที่4 เหล่าทัพยอมไม่ได้ในทุกยุคทุกสมัย จากอดีตตราบจนถึงปัจจุบัน ปลายทางนักการเมืองที่ทำกรรมกับเหล่าทัพก็จะได้รับผลกรรมเสมอมา เพราะกรรมก่อเกิดจากการกระท

๑๗ มีนาคม ๒๕๕๗ จะมีมติจากองค์กรอิสระทั้ง ๗ องค์กรของประเทศไทย ผลของมติคงจะเป็นทางออกที่ดีสำหรับชาติไทย และเป็นโอกาสให้ทุกฝ่ายเข้าสู่กระบวนการปฏิรูปประเทศ นี่คงเป็นทางหนึ่งที่จะร่วมกันการสร้างชาติ เลิกขัดแย้ง ก้าวเข้าสู่สันติสุข ข้อเสนอนี้คงจะเป็นข้อเสนอที่ดีที่สุดสำหรับปวงชนชาวไทย ทุกพวก ทุกฝ่าย ทุกเหล่า ทุกสี ให้หลุดพ้นวงเวียเดิมๆ เมื่อโอกาสมาถึง ทุกฝ่ายควรร่วมมือกัน คำนึงถึงชาติเป็นสำคัญ แต่หากยังคงปฏิเสธ ยึดตัวเอง "จะตายคาประชาธิปไตยจอมปลอมของคอมมิวนิสต์จนวินาทีสุดท้าย" ไม่ยึดชาติก็ช่วยไม่ได้ วงเวียนกรรมก็จะดำเนินเดินต่ิไปอย่างฉับไว และพร้อมที่จะฟาดฟันให้เกิดทุกสิ่งเพื่อให้ชาติก้าวสู่สันติสุขกระมัง

"ทหารเรายืนอยู่บนเกียรติอันสูงส่ง ที่ประชาชนคนไทยหวังเป็นที่พึ่งขั้นสุดท้ายของเขา"

พลเอกเปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ ได้เดินชมอนุสาวรีย์ พลเอก กฤษณ์ สีวะรา และได้อ่านข้อความอักษรบันทึกที่ฐานรูปปั้นที่อยากให้ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก ได้อ่าน คือ "ทหารเรายืนอยู่บนเกียรติอันสูงส่ง ที่ประชาชนคนไทยหวังเป็นที่พึ่งขั้นสุดท้ายของเขา"

เทอดศักดิ์ เจียมกิจวัฒนา
ศุกร์ที่ ๑๕ มีนาคม ๒๕๕๗
See More










"ป๋าเปรม"ปรารภผ่านมทภ.2บอก"ประยุทธ์"อ่านอักษรหลังอนุสาวรีย์พลเอกกฤษณ์

พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ เปิดอนุสาวรีย์พลเอกกฤษณ์ ที่สกลนคร ปรารภกับแม่ทัพภาคที่ 2 ให้บอกผู้บัญชาการทหารบก มาอ่านแผ่นสลักอักษรหลังอนุสาวรีย์ที่ว่า "ทหารเรายืนอยู่บนเกียรติอันสูงส่ง ที่ประชาชนคนไทยหวังเป็นที่พึ่งขั้นสุดท้ายของเขา"

เมื่อเวลา 14.29 น. วันที่ 14 มีนาคม ผู้สื่อข่าวรายงานว่าพล.อ.เปรม ได้เดินมายังด้านหน้ารูปปั้นอนุสาวร...ียพร้อมกับวางพานพุ่มดอกไม้สด และพวงมาลัยที่อนุสาวรีย์ พล.อ.กฤษณ์ สีวะรา และเดินชมอย่างใกล้ชิดทั้งยังได้กล่าวปรารภกับเหล่านายทหารที่เข้าร่วมส่วนใหญ่ เป็นผบก.จว.ทหารบกในภาคอีสานและนายทหารระดับพลเอก

โดยพล.อ.เปรม ชี้ให้พล.ท.ชาญชัย ภู่ทอง แม่ทัพภาคที่ 2 ดูโดยมีตอนหนึ่งที่ พลเอกเปรม กล่าวขึ้นมาขณะเดินเยี่ยมชมอนุสาวรีย์รูปปั้นและอ่านข้อความอักษรบันทึกที่ฐานรูปปั้นอนุสาวรีย์ โดยกล่าวสั้นๆว่า "ตรงจุดนี้น่าจะให้ ผบ.ทบ.มาอ่านดูบ้างนะ"

#ไทยโพสต์



Michael Yon

Lumpini -- peaceful now
ลุมพินี -- ตอนนี้สงบเรียบร้อย
ผู้ชุมนุมยังเข้มแข็ง อันนี้อาจจะเป็นคำถามที่ฟังแล้วแปลกหน่อย... แต่ เจ้าสัตว์เลื้อยคลายตัวใหญ่สีเข้มเหล่านั้น ไปอาศัยอยู่ที่ไหนในสวนลุมฯ ผมไม่เห็นสักตัวตั้งแต่การชุมนุมเริ่มขึ้น
...
The protestors remain strong. This might sound like a strange question...but where did those big, black lizards go that live in Lumpini Park? I have not seen any out there since the protests began.
See More





เมื่อชายผู้น่าสังเวชจนตรอกที่สุดในชีวิต

ผมไม่รู้สึกแปลกใจที่ชายผู้น่าสังเวชบ่นน้อยใจ พึมพำถึงบรรดาหมาหางด้วนว่า เขาถูกหมาหางด้วนหลอกต้มกินเงิน พวกหน้าตาดีภายในพรรค ไม่ออกมาสู้ช่วยเหลือเขา ปล่อยให้หญิงผู้น่าสังเวชต้องเผชิญกับพวกเลียแข้งขาจนมันแผลบ ส่งคนที่เก่งการเมืองไปให้เธอก็ไม่ยอมเอา

เป็นที่ทราบกันดีว่าสถานการณ์การเมืองในโค้งสุดท้าย ที่รัฐบวมรักษาการได้ถูกรัฐประหารโดยประชาชนไปเรียบร้อยแล้ว แบบ...เนียนๆ ลึกซึ้ง สลับซับซ้อน เป็นรูปแบบใหม่ จนไม่มีอำนาจการสั่งการใดๆไปนานแล้ว ชายผู้น่าสังเวชก็ทราบดี แต่หญิงผู้น่าสังเวชเอง ก็ยังไม่รู้ตัวว่าอำนาจหลุดมือไปแล้ว เธอก็ยังคงใช้มุขเดิมน้ำตาคลอ แหลไปวันๆจนคนไทยรู้กันไปทั่ว ต่างชาติก็เห็นประจานพฤติกรรมเธอไปทั่วโลกทุกวัน เหลือพวกหมาหางด้วนไม่กี่ตัวที่เห่าหอนหวังว่าจะพยุงอำนาจให้ยาวนานที่สุด แต่ยิ่งทำก็ยิ่งคดีพอกพูนบานเบอะไปทุกวัน ปลายทางก็มิพ้นคุก

การที่พวกหมาหางด้วนออกมาทำทีจัดม็อบ ดูผิวเผินเหมือนจะสู้ตาย แต่แท้จริงพวกเขาต้องการเพียงเงิน เพราะรู้ว่ารบไปก็แพ้ กลุ่มนักวิชาการ นักการเมือง ฯลฯ พวกหน้าตาดีๆของพรรคแดงที่ไม่ออกมาสู้ เขาก็รู้เช่นกัน ยิ่งสู้ยิ่งแพ้ ก่อนหน้านั้นก็ลากกันเข้าคุกเพราะการแก้ที่มา สว.อันขัดต่อ รธน.แถมมาเจอเงินกู้ ๒ ล้านๆ ที่ขัดต่อ รธน.เข้าข่ายมาตรา ๖๘ ล้มล้างการปกครองฯ โทษเพียงประหารชีวิต กบฏในราชอาณาจักร ตาม ป.วิอาญามาตรา๑๑๓ จึงไม่ต้องแปลกใจว่าทำไมพวกเขาจึงหดหัวไม่ยอมออกมาสู้ในโค้งสุดท้าย

ผมเคยถามคุณไทกร พลสุวรรณ ว่า ระหว่างหมาหางด้วนกับชายผู้น่าสังเวช ใครหลอกใคร คุณไทกรตอบผมว่า เขาสมประโยชน์กัน วันนั้นผมมองว่าชายผู้น่าสังเวชถูกหลอก วันนี้คงจะพิสูจน์หลักคิดของผมได้ว่าจริงเท็จอย่างไร เพราะกรรมมันก่อเกิดจากการกระทำ ที่ทุกครั้งในรอบนับสิบปีที่ผ่านมา ชายผู้น่าสังเวชจะถูกหลอกตุ๋นแบบนี้ทุกครั้งในช่วงปลายยก ไม่มีใครจริงใจกับเขา ต้องการเพียงผลประโยชน์จากเขาก็เท่านั้นเอง

ผมยังไม่แปลกใจที่ชายผู้น่าสังเวช จะใช้หลักคิดของคอมมิวนิสต์เป็นต้นแบบ ในการเดินยุทธศาสตร์การเมือง เพราะอาจารย์ของเขาคือ ปรีดา พัฒนถาบุตร ปรมาจารย์ทางการเมืองคนหนึ่ง อันเป็นลูกศิษย์ของเยาวชน ชนเผ่าอารยัน ของอดอล์ฟ ฮิดเลอร์(Adolf Hitler) ที่มีการนำทหารกับผู้หญิงพันธุ์แท้มาเป็นคู่สู่สมกัน เพื่อสร้างสายเลือดใหม่ที่สะอาด ฉลาดทั้งการรบและปัญญา โดยมีเป้าหมายในการล้างโลก โดยอาจารย์ของปรีดา เป็นอันดับสองของชนเผ่าอารยัน ที่ถูกระเบิดจนพิการและมาแฝงกายอยู่ในโรงงานในประเทศเยอรมัน ในฐานะยามรักษาการ ในโรงงานที่ปรีดาเดินทางไปฝึกงาน จึงได้เรียนวิชาของอดอล์ฟ ฮิตเลอร์มาอย่างเต็มตัวและภูมิใจในวิชาที่ร่ำเรียนมา แล้วมาถ่ายทอดวิชาด้านมืดสู่ชายผู้น่าสังเวช จบโรงเรียนนายร้อย แต่สายพันธุ์อั้งยี่ที่ก่อกบฏภายในกรุงเทพฯ แล้วหนีมาพำนักที่เชียงใหม่ เพราะบิดารู้จักกับปรีดาจึงฝากฝังไว้เป็นศิษย์ หรือบางคนอาจมองผิวเผินว่าเป็นเพียงเด็กถือกระเป๋ารัฐมนตรีในสมัยนั้น

ผมได้เคยมีโอกาสคุยกับ พล.ร.อ.พะจุณณ์ ตามประทีป อดีตประธานสำนักงานประธานองคมนตรี ในเรื่องของปรีดา พี่พระจุลย์เล่าว่า ปรีดาเคยเป็นรัฐมนตรีสมัยพลเอกเปรม เวลาไปตามต้องไปตามจากสนามม้า เป็นคนขี้เมาหยำเป พี่เขาบอกผมว่าคนแบบนี้เหรอที่จะเป็นปรมาจารย์ทางการเมือง แต่สำหรับผมนั้นถือว่า คนแบบนี้แหละปรมาจารย์ทางด้านมืด ที่จะแฝงเร้นกายไม่ให้ใครจับพิรุธได้ เพราะเขาได้ศึกษาวิชานี้มาจากอาจารย์เขาที่เยอรมัน ที่พิการแฝงกายเป็นเพียงยามรักษาการ ถ้ามองผิวเผินคนทั่วไปจะดูเขาไม่มีค่า ไม่มีราคา เหมือนพี่พระจุลย์มอง จึงเป็นเรื่องปกติ แต่สำหรับผมนั้นมันไม่ใช่คนธรรมดา เขาคือคนอยู่เบื้องหลังของชายผู้น่าสังเวชมาตลอดเวลา ในการประชุมวางแผนลึกๆแต่ละครั้ง ก็ใช้บ้านเขาที่ถนนสายเชียงใหม่-หางดง ข้างโลตัส เป็นสถานที่ประชุม โดยเฉพาะเรื่องงบประมาณประเทศ หากเป็นหนังฝรั่งก็คงไม่พ้นสตาร์ วอร์ส(Star Wars)ที่ ดาร์ธ เวเดอร์(Darth Vader)ที่แท้ก็คืออัศวินเจได(Knights of the Jedi)เดิม ที่ผันตัวเองเข้าสู่ด้านมืด ซึ่งสุดท้ายก็เป็นพ่อของ ลุค สกายวอคเกอร์ อัศวินเจไดคนต่อมา เรื่องเหล่านี้มันอาจเหมือนนิยาย แต่มันคือเรื่องจริงในสังคมไทยในเพลานี้ ตลอดนับสิบปีทีผ่านๆมา

หากศึกษาบทเรียนเปรียบเทียบการล่มสลายของระบอบคอมมิวนิสต์สมัยโซเวียตรัสเซีย กับสถานการณ์ขบวนการก่อการร้ายแบ่งแยกดินแดนเสื้อแดง คอมมิวนิสต์แดงในไทยที่ปรีดาศึกษามา เป็นลักษณะการเคลื่อนตัวทางกลยุทธ์ที่เหมือนกับยุทธศาสตร์ของพรรคคอมมิวนิสต์ทุกประการ หากมองเปรียบเทียบตั้งแต่เริ่มต้นให้ไปจนสุดจะเห็นว่า ขั้นตอนวิธีการ ยุทธศาสตร์ ยุทธการ ยุทธวิธี จุดจบเหมือนกัน เพราะใช้หลักคิดแม้กระทั่งวาทกรรมเดียวกัน คือทฤษฎีการโกหก ใช้ทฤษฎีเรดการ์ดที่เน้นความรุนแรงควบคู่ เมื่อได้อำนาจมาก็จะใช้หลักคิดเดียวกันคือ ผู้นำต้องถูกเสมอ ข้อกำหนดคำปราศรัยของผู้นำต้องถือว่าเป็นกฎหมาย เป็นข้อบังคับ แต่สุดท้ายของทั้งสองตัวแบบความดีก็เอาชนะความชั่วจนได

หากย้อนไปดูบทเรียนอย่างน้อย ๔ ครั้ง แห่งความพ่ายแพ้ของชายผู้น่าสังเวช ตั้งแต่ ๑๙ กันยายน ๒๕๔๙ เมษาจราจล พฤษภาทะเลเพลิง และล่าสุดเหตุการณ์ในปัจจุบัน จุดจบก็เหมือนๆกัน ความดีเอาชนะความชั่วได้ตลอด แต่ทั้ง ๔ ครั้ง ครั้งนี้เป็นครั้งที่เขาจนตรอกที่สุดในชีวิต กรรมรัดเขาแน่นมากที่สุด วงเวียนกรรมแม้ดูจะหมุนช้า แต่ ๔ เดือนแลกกับ ๑๐ ปี ที่เขาทำกับชาติไทยมา เพราะมันถูกสะสมมาจากอดีต ทำให้ตามหลักยุทธศาสตร์การเมืองแล้ว หญิงผู้น่าสังเวชอยู่ในสภาพวัวพันหลัก มัดแน่นขึ้นเรื่อยๆ จนแทบจะไม่มีอากาศจะหายใจเพราะเชือกมันไปพันคอเธอ จากการกระทำของตัวเธอและเหล่าบรรดาหมาหางด้วนเอง ทำให้รอบนี้เขาหนักสุด ร้ายแรงสุด ลำบากสุด และจนตรอกที่สุด แต่ทุกครั้งที่รอดมา เขาก็เอาคำสอนของปรีดา ที่สอนว่า "จะต้องรักษาชีวิต เพื่อกลับมาสู้ใหม่" จึงเป็นวาทกรรมของเขาที่ว่า "ไม่มีคำว่าแพ้" ซึ่งหลักคิดนี้ปรีดาเรียนมาจากชนเผ่ามาลายัน อาจารย์เขาที่เยอรมัน

เมื่อหลายปีที่ผ่านมาผมเคยถามท่านไกรสร ตันติพงศ์ ปรมาจารย์ทางการเมือง อาจารย์ของผมว่า ทำไมจึงต้องปล่อยให้ชายผู้น่าสังเวชไปอยู่นอกประเทศ ให้บิ๊กถั่งเช่าเปิดทางให้หนีไปจีน ทำไมต้องให้ผมบอกเขาว่าให้เดินทางไปแอฟริกาใต้ ยุโรป ไปกับทูตอรชุน ตนะพงษ์ ญาติของเขาเพื่อให้หยุดพักการเมือง แล้วค่อยกลับมาเมืองไทยเมื่อทุกอย่างสงบลง ท่านสอนผมว่า คนเราต้องมีความเมตตา ท่านมองในความดีของชายผู้น่าสังเวช ที่ผ่านๆมาว่าเขาเองได้ศึกษาในด้านมืดจากปรีดา แต่ถ้าเขาได้มีเวลาทบทวนตัวเอง มีโอกาสศึกษาด้านสว่าง เขาก็อาจจะกลับมาเป็นคนดี กลับมาสร้างชาติบ้านเมืองได้ ท่านชมเสมอว่าเขาเป็นคนเก่ง แต่ตัวเขาอยู่ในภาวะด้านมืดจึงกลับมาทำลายชาติ

หมากในกระดานการเมืองของชาติไทยในวันนี้ สำหรับผมไม่ได้ยากเย็นแสนเข็ญอะไร มันพร้อมจะจบลงได้ทุกเวลา อยู่ที่เพียงว่าคนไทยเข้าใจระบอบทรราชย์มากเพียงพอ เข็ดหลาบทุนนิยมสามานย์หรือยัง หากเพียงพอแล้วก็จบง่ายๆไม่มีอะไรมาก ตอนนี้หญิงผู้น่าสังเวชก็โดนรัฐประหารโดยประชาชนแล้ว ประชาชนยึดอำนาจมาแล้วแต่ปล่อยให้เธอเข้าใจว่าเธอยังมีอำนาจ ล่อควายให้พันหลักจนตายด้วยตัวเธอเอง นี่คือความลึกซึ้ง โหดเหี้ยมทางการเมือง ใช้ปัญญาเป็นสำคัญ เอาการเมืองนำการทหาร เอาความดีชนะความชั่ว

วันนี้คงไม่ต้องถามผมเรื่องการเจรจา มันจบแล้ว ไม่มีการเจรจาใดๆแล้ว ทุกอย่างเดินตามครรลองครองธรรม หากคิดจะใช้ความรุนแรง ก่อสงครามกลางเมืองเดิมพันคือ ๓ ตระกูล ที่คงยากที่จะอยู่อย่างสงบในประเทศไทย ผมไม่ได้แข็งกร้าว ผมอยากให้ชาติสันติสุข สงบ ร่มเย็น แต่ถ้าจะแตกหัก เพื่ออนาคตข้างหน้า บางครั้งมันก็ต้องยินยอมกระมัง...

พ่อสอนว่า ให้ทำตนเป็นคนดี ต่อต้านกีดกันคนไม่ดีทุกเรื่อง ไม่ให้มายุ่งกับชาติบ้านเมือง ชาติไทยจะได้รุ่งเรืองดั่งพ่อตั้งใจ

บทเพลงคำพ่อสอน ประพันธ์โดยพลเอกเปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี และรัฐบุรุษ

เทอดศักดิ์ เจียมกิจวัฒนา
พฤหัสบดีที่ ๑๓ มีนาคม ๒๕๕๗
See More









ประยุทธ์ลั่นเสื้อแดงทำผิดกฎหมายต้องเอาผิด เมินเปลี่ยนตัวประธานนปช. ชี้เป้นคนไม่มีเกียรติไม่ควรยกเป็นผู้นำ เชื่อป๋าเปรมเอ่ยถึงแค่ชวนไปเยี่ยม

เมื่อวันที่ 17 มี.ค. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนก่อนเดินทางลงพื้นที่ จ.นราธิวาสว่า ส่วนตัวไม่ให้ความสำคัญกับประเด็นการเปลี่ยนตัวประธานกลุ่มนปช.มาเป็นนายจตุพร พรหมพันธุ์และจะไม่คุยหรือเจรจาใดๆกับประธาน นปช. ทั้งสิ้นเพราะไม่มีเกียรติเพียงพอ ตนไม่ให้เกียรติและรู้สึกสงสารคนที่เชื่อแกนนำดังกล่าว โดยขอฝากไว้ว่าอะไรที่เห็นว่าไม่ดีให้ใช้วิธีการฟ้องร้องในกรอบของกฏหมาย เชื่อว่าคนพวกนี้เป็นผู้นำคนไม่ได้ เพราะเลือกใช้วิธีการที่ผิด "ผมไม่ให้ความสำคัญกับคนพวกนี้ และคนที่ทำผิดกฎหมายทั้งหมด การเคลื่อนไหวใดๆขออย่าทำผิดกฎหมาย อย่าใช้ความรุนแรง.......






ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

Pong 11 (20x24)

Pong 11 (20x24)
Original handpainted oil painting on canvas

Wanna Yookong 111 (97x197cm)

Wanna Yookong 111 (97x197cm)
Original handpainted oil painting, Realistic Style

Kitja Noree 102 (24x36)

Kitja Noree 102 (24x36)
Original handpainted oil painting, Impressionist Style, Floating Market

Thawan Pramarn

Thawan Pramarn
ORIGINAL HANDPAINTED OIL PAINTING BY TAWAN PRAMAN, SIZE 70 x 90 cm

Chalor Ditpinyo

Chalor Ditpinyo
ORIGINAL HANDPAINTED OIL PAINTING BY CHALOR DITPINYO, SIZE 90 x 120 cm.

Thongchai Arunsaengsilp

Thongchai Arunsaengsilp
ORIGINAL HANDPAINTED OIL PAINTING BY THONGCHAI ARUNSAENGSILP

Boonchai Methangkul

Boonchai Methangkul
ORIGINAL HANDPAINTED OIL PAINTING BY BOONCHAI METHANGKUL, SIZE 1 x 126 cm

Chavana Boonchoo

Chavana Boonchoo
ORIGINAL HANDPAINTED OIL PAINTING BY CHAVANA BOONCHOO, SIZE 18 x 24"

Patamares Livisit

Patamares Livisit
ORIGINAL HANDPAINTED IMPRESSIONIST OIL PAINTING BY PATAMARES LIVISIT, SIZE 24 x 36"

Bangkok Art Center by HAS